ดูท่านชายในสายหมอกย้อนหลัง (ตอนที่ 4) 20 กันยายน 2555

ท่านชายในสายหมอก — 20 กันยายน 2012

เจ้าชาย (หลุยส์ สก๊อต) ผู้ซึ่งเป็นรัชทายาทของประเทศนิวแลนด์ ดินแดนแห่งธรรมชาติอันรื่นรมย์ได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และเข้า พักในโรงแรมหรูพร้อมกับผู้ติดตาม(สุพจน์ จันทร์เจริญ)เจ้าชายต้องการแบก เป้และกล้องถ่ายรูปไปเที่ยวอย่างอิสระ โดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองต้อนรับที่น่า อึดอัด เจ้าชายจึงให้ผู้ติดตามปลอมตัวเป็นเจ้าชายแทนและให้ปฏิบัติภารกิจ แทนทุกอย่างเจ้าชายหลบมาพักในเกสต์เฮาส์ย่านถนนข้าวสาร เจ้าชาย พยายามหาไกด์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ทุกเรื่อง แต่ก็หาไม่ได้ง่ายๆ เพราะข้อเสนอที่ต้องรับใช้ดูแลเจ้าชายทุกอย่างทำให้ไม่มีไกด์ที่ไหนยอมทำ

ดูท่านชายในสายหมอกย้อนหลัง (ตอนที่ 4) 20 กันยายน 2555 ช่วงที่ 1

ดูท่านชายในสายหมอกย้อนหลัง (ตอนที่ 4) 20 กันยายน 2555 ช่วงที่ 2

ดูท่านชายในสายหมอกย้อนหลัง (ตอนที่ 4) 20 กันยายน 2555 ช่วงที่ 3

ดูท่านชายในสายหมอกย้อนหลัง (ตอนที่ 4) 20 กันยายน 2555 ช่วงที่ 4

ดูท่านชายในสายหมอกย้อนหลัง (ตอนที่ 4) 20 กันยายน 2555 ช่วงที่ 5

ดูท่านชายในสายหมอกย้อนหลัง (ตอนที่ 4) 20 กันยายน 2555 ช่วงที่ 6

ดูท่านชายในสายหมอกย้อนหลัง (ตอนที่ 4) 20 กันยายน 2555 ช่วงที่ 7

ดูท่านชายในสายหมอกย้อนหลัง (ตอนที่ 4) 20 กันยายน 2555 ช่วงที่ 8



ท่านชายในสายหมอก ละครท่านชายในสายหมอก ละครแนวโรแมนติกคอม เมดี้ น่ารักๆ ท่านชายในสายหมอก ออนแอร์ต่อจากละคร รักคุณเท่า ฟ้า ทางช่อง 3 วันพุธ-พฤหัสบด

เรื่องย่อประจำตอน ละครท่านชายในสายหมอก

ตอนที่ 4

ด้วยความตกใจที่เห็นโซว์นอนแน่นิ่งกลางถนน ตุ๊กกับขิงช่วยกันแบกเข้ามาในบ้าน ขิงพยายามปลุกให้โซว์ ฟื้น ตุ๊กร้องไห้ฟูมฟาย คิดว่าเขาตาย ทำเอาขิงใจหายวาบ“ไม่ได้นะ นายจะตายไม่ได้ นายยังติดเงินฉันอีกตั้งหลายบาท ตื่นนะไอ้บ้าโซ่ อย่ามาทิ้งกันอย่างนี้” ขิงทั้งทุบทั้งตีโซว์

อ่านต่อ

โซว์สะดุ้งตื่นขึ้นมา ร้อง “โอ๊ยๆ จะฆ่ากันรึไง หยุดตีได้แล้ว ฉันเจ็บนะ โอ๊ย…”

ตุ๊กดีใจโผกอดโซว์ ขิงเองก็ดีใจแต่เฉไฉทำเป็นโล่งอกว่าไม่ชวดเงิน โซว์โอดโอยนึกว่าห่วงตนที่แท้ก็ ห่วงเงิน ยายขมกับรุ้งถือขวดยาและเครื่องปฐมพยาบาลเข้ามา แปลกใจเมื่อเห็นโซว์ฟื้น รุ้งวิ่งเข้าไปกอด สำรวจว่าเขาบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ยายขมโล่งใจเดินออกมา ขิง หมั่นไส้รุ้ง เดินตามยายเห็นยืนครุ่นคิดจึงเรียกยายเบาๆ ยายขมรู้ดีว่าหลานจะขออะไร รีบตอบว่าตามใจ

“เดี๋ยว ยายรู้เหรอว่าฉันจะมาพูดเรื่องอะไร”

ยายขมใช้ไม้เกาหลังเคาะหัวขิง “เชอะ คิดว่าฉันไม่รู้รึไง แกจะมาขอให้ไอ้หน้าวอกอยู่บ้านเราล่ะสิ ยายน่ะอาบน้ำร้อนมาก่อนแกนะ”

รุ้งพยุงโซว์เดินออกมา ยายขมหันมาเห็นทำเชิดหน้า โซว์เข้ามาคุกเข่าพนมมือ

“คุณยายครับ ผมรู้ตัวว่าผมชอบทำให้คุณยายเดือดร้อน แต่ผมอยากจะขอแก้ตัว ผมสัญญาว่าผมจะช่วยคุณยายและทุกๆคนให้ได้”

“ไม่ต้องมาสัญญงสัญญาอะไรทั้งนั้นไอ้หน้าวอก…ถ้าอยากจะทำก็ต้องทำให้ได้”

โซว์ดีใจที่ยายให้โอกาส ลืมตัวโผเข้ากอดหอมแก้มยายขม ยายเขินเอาไม้ตีหัวเขา โซว์หลบทัน ไม้จึง ฟาดลงไปบนหัวตุ๊กที่เดินเข้ามาร้องลั่น กุมหัวป้อยๆ ขิงยิ้มให้โซว์ด้วยความดีใจ
ขิงใส่ยาทำแผลให้โซว์ เธอยังเคืองเรื่องรุ้งจึงทำรุนแรง โซว์เจ็บจับมือเธอไว้ ขิงหาว่าแต๊ะอั๋ง สะบัดออกและผลักเขาหงายหลังไป โซว์ร้องลั่น

“ซาดิสต์ ฉันยิ่งเจ็บๆอยู่ ยังมาทำร้ายซ้ำอีก กลัวฉัน ไม่ตายดีรึไง”

“แค่นี้ยังน้อยไป ถ้าเป็นคนอื่นแต๊ะอั๋งแบบนี้ รับรองไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด”

“งั้นแสดงว่า ฉันเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่นล่ะสิ”

ขิงอึกอักหาคำแก้ตัว “ถ้าเกิดนายเจ็บกว่านี้ฉันก็ต้องเสียเงินค่ารักษา แล้วถ้านายตาย ฉันก็ชวดเงินอีก 50,000 ที่นายติดไว้น่ะสิ” ขิงทายาแล้วแปะปลาสเตอร์ให้อย่างกระแทกกระทั้น
เห็นเขาทำหน้าน้อยใจ เธอเปลี่ยนเรื่องมาถามจะทำอย่างไรต่อไป โซว์ตอบว่าที่ประเทศตนเชื่อว่า เวลาจะให้คำตอบกับทุกอย่าง ขิงเปรย หวังว่าคงไม่นานเกินไป เพราะบ้านตนก็ไม่ค่อยจะมีกิน แถมต้องคอยระแวงว่าตำรวจจะจับเข้าตะรางเมื่อไหร่ โซว์ยิ้มปลอบใจ

“จำที่ฉันสัญญาไว้ไม่ได้รึไง ไม่ว่าจะยังไง เธอจะต้องไม่เดือดร้อน”

“ทำยังกับว่า ตอนนี้ไม่เดือดร้อนงั้นนี่”

โซว์สลดลง ขิงสงสารรีบบอกให้เขานอนพัก พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาช่วยยายแต่เช้า โซว์ลุกขึ้นเกิดเจ็บแผลเซจะล้ม ขิงตกใจเข้าประคอง ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดกัน และกัน ขิงรู้สึกตัวผละออกทำหน้าไม่ถูกรีบเดินงุดๆ ออกไป โซว์อมยิ้มรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ขณะที่ยายขมทำขนมอยู่ โซว์ค่อยๆ เดินเข้ามาอยากจะช่วยแต่หวั่นๆกลัวโดนไล่ จึงส่งเสียง เบาๆว่า อรุณสวัสดิ์ ยายขมสะดุ้งอุทานคุณพระช่วย หันมาโวยจะฆ่ากันแต่เช้าหรือ เขารีบขอโทษ ยายขม แปลกใจทำไมวันนี้ตื่นเช้าได้

“ผมอยากมาช่วยคุณยายทำขนมครับ”

“ดี หัดจำเอาไว้ อยู่บ้านท่านต้องไม่นิ่งดูดาย รู้จักปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”

“ผมเข้าใจที่คุณยายบอกนะครับ แต่ผมปั้นวัวปั้นควายอะไรนั่นไม่เป็น ช่วยทำขนมน่าจะง่ายกว่า” โซว์ยิ้มแหยๆ

ยายขมส่ายหน้าระอา “นี่ขนาดมันเข้าใจนะเนี่ย เอ้า…ถ้าอยากช่วย งั้นไปเอากะทิใส่หม้อสามทัพพี ถ้าใส่ผิดอีกคราวนี้จะเอาทัพพีฝังหัวแกเลย จะได้จำ”

โซว์รับรองคราวนี้ไม่ผิดแน่ ยายขมเริ่มรู้สึกดีกับเขา ขิงแอบมองยายกับโซว์ที่เข้ากันได้อย่างมีความสุข…พอทำขนมเสร็จ ยายขมกับทุกคนหอบขนมมาตั้งโต๊ะขายที่ตลาด ตุ๊กร้องเรียกคนเข้ามาซื้อ ไม่มีใครสนใจ แต่พอโซว์ยกของมาวางเพิ่ม สาวๆรุมล้อมเข้ามา ถามขิงกันใหญ่ว่าใคร พระเอกลิเกคนใหม่หรือ ขิงตอบว่าเพื่อน มาอาศัยอยู่ชั่วคราว รุ้งรี่เข้ามาประกาศว่า โซว์เป็นเจ้าชายของตน สาวๆยิ่งชื่นชมความหล่อของเขา

ผู้คนมุงเต็มร้าน แต่ไม่มีใครซื้อขนมสักคน ยายขมเริ่มเครียด บอกขิงกับตุ๊กให้เก็บของกลับ รุ้งยังเกาะแขนโซว์แสดงความเป็นเจ้าของ เขารำคาญสะบัดออก เข้ามาบอกยายขมว่าอย่าเพิ่งเก็บ ตนจะช่วยขายให้

ว่าแล้ว ตุ๊กก็จัดแจงคุมลูกค้าให้ต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ ใครซื้อขนมถึงห้าสิบบาท จะได้หอมแก้มโซว์หนึ่งฟอด รุ้งแอบมาต่อแถว ขิงเอ็ดจะฟ้องยายว่าเธออู้ไม่ยอมทำงาน รุ้งกระฟัดกระเฟียดมาตักขนมให้ลูกค้าต่อ เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ ขนมก็ขายหมดเกลี้ยง

โซว์กำเงินมาให้ยายขม แต่ยายไม่เอา “เฮอะ คิดว่าทำดีแล้วรึไง เที่ยวไปกอดจูบกันกลางตลาด ทำเหมือนขายตัวไม่มีผิด ใครจะเอาก็เอาไป”

โซว์หน้าเสีย ตนทำผิดอีกแล้วหรือ ขิงปลอบอย่าคิดมาก เจตนาดีแต่อาจจะผิดวิธี เขาจะไปขอโทษยายขม โซว์ยื่นเงินให้ตุ๊ก รุ้งแย่งไปเก็บในอกเสื้อ ขิงหันมาเอาเรื่อง จะคืนมาหรือจะให้ตนล้วงเอง รุ้งกลัวขิงอยู่กลายๆรีบหยิบเงินคืนให้

ขิงตามมาดูยายขมที่บ้าน เห็นยายยืนลูบไล้ภาพถ่ายตา รำพึงขอโทษที่รักษาคณะลิเกไว้ไม่ได้ ขิงเข้ามาถามว่ายายโกรธโซว์หรือ ยายถอนใจ

“ยายไม่ได้โกรธไอ้โซ่มันหรอก แต่ยายโกรธ

ตัวเองมากกว่า ที่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับตาไม่ได้”

“เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว ก็ให้มันผ่านไปเถอะ นะจ๊ะยาย”

“ตาเขาตายเพราะคณะลิเกถูกยุบ ยายอุตส่าห์ปลุกปั้นคณะขึ้นมาใหม่เพื่อรำลึกถึงตา แต่ยายก็รักษามันไว้ไม่ได้อยู่ดี”

“ยายอย่าคิดมากสิจ๊ะ ขิงว่าเราต้องหาทางออกได้แน่ๆ” ขิงกอดยายน้ำตาไหล

โซว์ยืนมองภาพยายหลาน รู้สึกสงสารครอบครัวนี้มากๆ

ooooooo

เมื่อรอแล้วรอเล่า เจ้าชายก็ไม่มาหาติ๊งโหน่ง เลย เธอเสียใจเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมลงมาทานข้าวทานปลา ทำให้คุณหญิงฉาดประภาเป็นห่วงมาก เข้ามาดูลูกสาวแทบช็อกเพราะความที่เธอปล่อยตัวให้โทรม ขอบตาช้ำ ผมเผ้ากระเซิง ติ๊งโหน่งเอาแต่คร่ำครวญจะหาเจ้าชาย

คุณหญิงฉาดประภาร้อนใจรีบมาบอกชรินทร์ซึ่งกำลังนั่งคุยงานกับอำนวย ให้ไปดูลูกสาว ชรินทร์ซึ่งรักลูกมาก พอเห็นสภาพลูก ทนไม่ได้สั่งอาหารสารพัดชาติมาวางเรียงราย เธอก็ไม่ยอมกิน เขาจึงสั่งอำนาจกินและทำหน้าว่าดูเอร็ดอร่อย เธอเผลอจะหยิบกินแต่แล้วชะงัก

“ไม่ ติ๊งจะไม่กินอะไรทั้งนั้น ติ๊งจะกินแต่เจ้าชาย ได้ยินมั้ย ติ๊งจะกินแต่เจ้าชาย…เจ้าชายๆ”

และในคืนนั้น ปีเตอร์นอนหลับฝันไปว่า ติ๊งโหน่งแต่งตัวเป็นม้าร้องฮี้ๆ เข้ามาปลุกปล้ำ เขาร้องลั่นสะดุ้งตื่น มองซ้ายมองขวาในห้อง รู้ว่าฝันไป ก็อดใจหายไม่ได้…

เช้าวันใหม่ ที่บ้านยายขม แก้วกับยอดนำลูกน้องบุกเข้ามาขนข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นจานชาม แก้วน้ำที่ทุกคนกำลังกิน อ้างว่าเป็นดอกเบี้ย ยายขมโวยไหนว่าผัดผ่อนไปอีก

“จู่ๆก็อยากจะเปลี่ยนใจซะงั้นแหละ ยายจะทำไม ก็ทีน้องขิงสัญญาว่าจะแต่งงานกับพี่ ยังควงคนอื่นมาให้พี่แก้วบาดใจเลย” แก้วลอยหน้ากวนๆ

“แต่คุณทำอย่างนี้ไม่ถูก เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์มายึดของลูกหนี้ตามอำเภอใจ ต้องมีคำสั่งศาลให้ขายทอดตลาดเท่านั้นถึงจะทำได้” โซว์ทนไม่ได้ลุกขึ้นท้วง

แก้วตวาดกลับ ที่นี่ใช้กฎหมู่ ถ้าไม่พอใจก็ไปแจ้งตำรวจ ตุ๊กโมโหออกท่าฟุตเวิร์กอดีตนักมวยเก่าท้าแก้วชก แต่ไม่ทันออกสักหมัดก็โดนแก้วชกเปรี้ยงหงายเงิบไป ยายขมโกรธใช้ไม้เกาหลังฟาดหัวแก้วไม่ยั้ง จนเขาต้องว่ิงหนีออกไปเพราะยังเห็นแก่ขิงไม่อยากทำร้ายคนแก่ แก้วและลูกน้องกลับไป ยายขมก็เป็นลมล้มพับ

ขิงกับตุ๊กช่วยกันปฐมพยาบาลจนยายขมฟื้น แกร้องไห้เสียใจ ไม่ยอมให้ใครมายึดบ้าน รุ้งถามว่ายายมีเงินหรือ ยายขมไปลากหีบเครื่องแต่งตัวลิเกออกมาเปิดให้ดู โซว์ตื่นตากับเพชรนิลจินดามากมาย ตุ๊กบอกเซ็งๆว่าเพชรเก๊ ยายขมโต้

“ถึงมันจะเก๊แต่มันก็มีค่ามาก ถ้าลองเอาของพวกนี้ไปขาย บางทีอาจจะได้เงินใช้หนี้ก็ได้”

“แต่ชุดพวกนี้มันเป็นสมบัติของตา แล้วยายก็รักและหวงมากไม่ใช่เหรอ” ขิงแย้ง

“แล้วจะให้ข้าทำยังไงวะ สมบัติที่ข้ามีก็มีแต่พวกนี้”

โซว์สงสัย “เป็นเจ้าของคณะลิเก แต่เอาอุปกรณ์เครื่องใช้มาขายหมด แล้วจะทำมาหากินอะไร แทนที่ยายจะขายของพวกนี้ ฉันว่ายายน่าจะตั้งคณะลิเกขึ้นมาใหม่จะดีกว่านะ”

ยายขมบ่นไม่มีเงิน ไม่มีคน รุ้งโพล่งออกมาว่ามีนางเอกหนึ่งคน ตุ๊กว่าตนเป็นตลก ขิงรีบเสริมว่าตนเป็นคนทำงานจิปาถะ แล้วมองโซว์ยิ้มๆก่อนจะบอกว่า ยังมีพระเอกอีกหนึ่งคนด้วย

“อ้าว งั้นก็ครบแล้วน่ะสิ แม่ ตั้งคณะลิเกได้แล้ว”

“ตัวอื่นข้าก็พอรู้ แต่พระเอกน่ะ ใครเหรอวะ” ยายขมยังงงๆ

ขิงยิ้มมองไปที่โซว์ ทุกคนมองตาม โซว์เหลอหลาตกใจ…หลังจากนั้นโซว์ดึงขิงมาโวยวายหลังบ้าน คิดอย่างไรจะมาให้ตนเล่นลิเก เพราะตนยังไม่รู้เลยว่าลิเกเป็นอย่างไร ขิงจึงเอาวีซีดีการแสดงลิเกมาเปิดให้เขาดู โซว์เห็นแล้วรู้สึกว่ามันคล้ายๆโอเปร่าที่เคยดูที่อิตาลี

“เชอะ…โอเปร่าอะไรนั่นจะสู้ลิเกได้ยังไง ก็แค่ยืนร้องเพลง ลิเกของคนไทยเจ๋งสุด ทั้งร้องทั้งรำ เห็นมั้ย” ขิงทำท่ารำให้ดู และร้องเสียงในคอจนไอแค่กๆ
จนเย็นย่ำ โซว์ยังนั่งดูวีซีดีลิเกจนลืมมากินข้าว ขิงบอกยายขมว่า คณะเราจะมีจุดขายเพิ่มขึ้นที่ฝรั่งมาร้องลิเก รุ้งตื่นเต้นจะได้แสดงคู่กับโซว์ รีบออกตัวว่าตนยอมลดค่าตัวครึ่งหนึ่ง ยายขมครุ่นคิด เห็นลูกหลานท่าทางจริงจัง จึงยอมว่าอย่างไรว่าตามกัน

ooooooo

จากนั้น ทุกวันยายขมจะดัดมือให้โซว์ และฝึกซ้อมให้ตั้งแต่ท่าเบสิก เขาโดนยายเคาะด้วยไม้เกาหลังจนเขียวช้ำไปทั้งตัว ทนไม่ไหวขึ้นมาก็วิ่งหนี ทำให้ยายขมฟาดโดนตุ๊กกับขิงวุ่นวายไปหมด หลายวันผ่านไป ทุกคืนขิงต้องเอายามาทาแก้เขียวช้ำให้เขา โซว์เริ่มจะท้อ

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวข้าจะช่วยติวเรื่องร้องลิเกเอง ข้าไม่อยากจะคุย ข้านี่ตัวพ่อเลยนะเว้ยจะบอกให้ ยิ่งยงยังต้องชิดซ้าย พีสะเดิดยังต้องชิดขวา ไมค์ ภิรมย์พรยังต้องบอกลา เพราะข้า…”

“ตุ๊กตัวเหม็นกำลังจะมา” รุ้งเสริมต่อให้ด้วยความหมั่นไส้

ตุ๊กโวยที่รุ้งทำเสียหมด รุ้งเข้าไปออเซาะโซว์ ไม่ต้องไปฟังตุ๊ก ตนจะติวให้เอง ติวที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ สองต่อสอง โซว์ทำหน้าอึดอัด หันไปถามขิงว่า จะช่วยติวอะไรให้ตนบ้าง ขิงเบ้หน้าบอกว่าตนทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง โซว์ไม่เชื่อ ขิงยักไหล่

“แต่ฉันว่าเธอเล่นละครเก่งออก ขนาดแต่งตัวเป็นผู้ชาย ฉันยังเชื่อสนิทเลย ลองเล่นดูสิ เอาบทนางเอก ก็ได้”

รุ้งโวย “ไม่ได้ค่ะ เจ้าชายขา…คนที่คู่ควรกับบทนางเอกลิเกและนางเอกในชีวิตจริงของเจ้าชาย ก็คือรุ้งคนเดียวเท่านั้น”

โซว์ขยับหนีรุ้งที่กระแซะเข้ามา ขิงมองอย่างหงุดหงิดลุกเดินหนี โซว์ลุกตาม รุ้งเลยหน้าคะมำ ตุ๊กหัวเราะเยาะอย่างสะใจ

ขิงเข้ามาในบ้าน นั่งลงข้างยายขมแล้วบอกกับยายว่า ตนจะไปเจรจาต่อรองกับแก้ว ให้ยืดเวลาใช้หนี้ ออกไปอีก ยายขมเห็นว่าไม่มีทางที่แก้วจะยอม แต่ขิงมั่นใจว่าตนทำได้

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ขิงนัดแก้วมาพบที่ริมบึง แก้วตื่นเต้นดีใจคิดว่าขิงต้องมาบอกว่ายอมแต่งงานกับตน ขิงยิ้มให้ก่อนจะคว้ามือแก้วมาลูบ

“จ้ะ แต่…ฉันมีข้อแม้ ถ้าพี่แก้วเลื่อนเวลาการใช้หนี้ของยายฉันออกไป ฉันก็จะแต่งงานกับพี่ทันที”

แก้วอ้าปากค้างด้วยความดีใจ แต่ก็กลัวขิงหลอก แล้วจะโดนพ่อตำหนิ ขิงจึงบอกว่า ตนเข้าใจ จึงทำสัญญามาให้เซ็น ว่าตนจะแต่งงานด้วยแน่ๆ แต่ต้องเซ็นทั้งสองฝ่าย แก้วดีใจชมว่าขิงรอบคอบ แต่ขอมัดจำให้เธอจูบตนก่อนถึงจะยอมเซ็น ขิงต่อรองให้เขาหลับตา แล้วกวักมือ เรียกตุ๊กมาจูบแทน ตุ๊กทำหน้าขยะแขยงก่อนจะวิ่งไปซ่อนตัวตามเดิม ขณะที่แก้วเคลิ้ม ขิงส่งปากกาให้เซ็นชื่อในสัญญา แก้วเซ็นเสร็จหลับตาทำปากจู๋ขอแถมอีกหนึ่งจุ๊บ

“ไม่มีปัญหา ขิงจัดให้” ขิงกวักเรียกตุ๊กออกมาอีกครั้ง ตุ๊กทำหน้าขยะแขยงแต่ก็จุ๊บลงไป แก้วฉวยโอกาสกอดหมับแล้วลืมตาขึ้น

พอเห็นหน้าตุ๊กก็ตกใจผลักออก หันไปโก่งคออ้วก ตุ๊กเองก็อ้วกเช่นกัน ขิงหัวเราะสะใจ

“นี่น้องขิงหลอกพี่เหรอ น้องขิงหลอกพี่ทำไม”

“แกคิดเหรอว่าฉันอยากจะแต่งงานกับแก แต่ก็ขอบใจนะที่เลื่อนเวลาให้ ยังไงฉันก็ต้องหาเงินมาใช้ทันแน่ไม่ต้องห่วง” แก้วโวยวายไม่ยอม ขิงชูสัญญาขึ้น “ในสัญญาระบุว่า ถ้าแกผิดสัญญา แกจะต้องยกเลิกหนี้ทั้งหมด เลือกเอานะ จะยอมยกหนี้ให้ตอนนี้ หรือจะรออีกสามเดือน”

แก้วอึ้งเจ็บใจ ขิงเดินไป ตุ๊กหันมาบอกแก้วหัดแปรงฟันเสียบ้าง…พอแก้วเอาคู่สัญญามาให้กำนันเก่งอ่าน กำนันโกรธมากที่ลูกชายโง่เง่าเสียรู้ผู้หญิงตัวเล็กๆ แก้วรีบสัญญาว่าจะยึดที่นาและบ้านยามขมมาให้พ่อให้ได้

ooooooo

ยังห่วงลูกที่ไม่ยอมกินอะไร ชรินทร์ลงมือทำโจ๊กด้วยตัวเอง พอติ๊งโหน่งกินเข้าไปก็อาเจียนออกมารดเขา เขาขยะแขยงแต่ต้องอดกลั้นเพราะรักลูก เขาเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำ และถอดแหวนมรกตออกวางไว้ พลันเสียงติ๊งโหน่งร้องจะกินโจ๊กอีก เขาจึงรีบออกไปจัดการทำให้

ปีเตอร์นั่งมองภาพแหวนที่พัชรีขยายใหญ่ไว้ แล้วกดโทรศัพท์แจ้งโอปะเรเตอร์ว่าต้องการให้แม่บ้านชื่อพัชรีมาพบ สักพักมีเสียงเคาะประตู เขาเปิดประตูไม่ทันมองหน้า คว้ามือเธอเข้ามาให้ช่วยคิดว่าจะหาตัวเจ้าของแหวนนี้ได้อย่างไร พอเห็นหน้าถึงกับตกใจ

“พัชรี…เอ่อ ไม่เจอกันไม่กี่วัน ทำไมเธอถึงแก่งั่กขนาดนี้”

“หม่อนฉันก็แกอย่างนี้ทุกวันแหละเพคะ”

“แหมๆๆเจ้านี่ลูกเล่นเยอะนะ ใส่หน้ากากมาใช่ไหม ถอดหน้ากากออกเดี๋ยวนี้” ปีเตอร์ดึง

แม่บ้านร้องด้วยความเจ็บ ปีเตอร์ตกใจเมื่อรู้ว่าเป็นหน้าจริง เขาโวยวายว่าต้องการแม่บ้านพัชรี เธอยืนยันว่าที่โรงแรมนี้มีแม่บ้านชื่อพัชรีคนเดียวคือตน เขาถึงกับอึ้งครุ่นคิดสงสัย…

หลังจากได้กินอะไรเข้าไป ติ๊งโหน่งก็มีแรงคิดแผนที่จะรวบรัดเอาเจ้าชายมาเป็นของตน เธอลุกขึ้นแต่งตัวเหมือนตุ๊กตาบลายธ์ มองตัวเองในกระจก ตั้งปณิธานว่าจะต้องสวยกว่าลัดลดาให้เจ้าชายประทับใจให้ได้ เธอเห็นแหวนที่วางอยู่ในห้องน้ำสีเข้ากับชุดจึงหยิบมาสวม มุ่งมั่นจะไปทำให้เจ้าชายหลงใหลในตัวเอง

ปีเตอร์กำลังครุ่นคิดว่าพัชรีเป็นใครกันแน่ พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาคิดว่าพัชรีมาจึงเปิดประตูโดยไม่ทันระวัง ติ๊งโหน่งโผล่เข้ามา เขาถอยกรูดอย่างหวาดๆ ถามเธอมาทำไม

“มาเพราะรัก เพราะคิดถึงจึงมาหา มาเพราะว่าเมื่อคืนนี้นอนไม่หลับ มาเพราะอยากจะทัก มาเพราะรัก มาเพราะฉันอยากจะบอกว่ารักเธอ” ติ๊งโหน่งกะพริบตาปิ๊งๆๆ

ปีเตอร์จะวิ่งหนี ติ๊งโหน่งโถมเข้าดันเขาไปล้มลงบนโซฟา เขาถามเสียงลั่นจะทำอะไร เธอตอบว่าทำในสิ่งที่ตนโหยหามานาน ว่าแล้วก็ถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือสายเดี่ยวสุดสยิว โดดขึ้นคร่อมบนตัวเขา ปีเตอร์ร้องลั่น ติ๊งโหน่งยิ้มเยาะว่าคงเป็นครั้งแรกของเจ้าชาย ตนจะทำอย่างทะนุถนอม พลันมีเสียงเคาะประตูดังอีกครั้ง ปีเตอร์ดีใจ ร้องช่วยด้วยสุดเสียง

พัชรีซึ่งเป็นคนเคาะประตู ได้ยินเสียงร้องของเจ้าชาย ก็ตกใจ รีบเข้ามาช่วย เธอใช้ไม้เบสบอลฟาดหัวติ๊งโหน่ง สลบเหมือดคาอกปีเตอร์…พัชรีจัดการให้พนักงานมาพาติ๊งโหน่งไปส่งบ้าน แล้วมาดูแลปีเตอร์ซึ่งยังอยู่ในอาการตกใจ

“โชคดีนะเพคะที่หม่อมฉันมาทันเวลา ไม่ยังงั้นเจ้าชายทรงเสียผู้เสียคนแน่ ไม่ต้องขอบใจหม่อมฉันหรอกเพคะ เพราะยังไงหม่อมฉันก็ต้องช่วยเจ้าชายอยู่แล้ว”

“ใครว่าฉันจะขอบใจเธอ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ปีเตอร์มองพัชรีด้วยสายตาโหด

พัชรีถูกปีเตอร์จับนั่งเอาโคมไฟส่องหน้าเหมือนกำลังสอบปากคำนักโทษ คาดคั้นให้บอกว่าเป็นใครต้องการอะไร พัชรียังยืนยันว่าตนเป็นแฟนคลับ ทำงานเป็นแม่บ้านที่โรงแรมนี้ ปีเตอร์ตะคอกว่าโกหก เพราะตนเจอแม่บ้านตัวจริงแล้ว พัชรีหน้าซีดบีบน้ำตา สารภาพว่าตนเป็นแฟนคลับจริงๆ พอรู้ว่าเจ้าชายมาเมืองไทย จึงปลอมตัวเข้ามาเพราะรู้ว่าคนธรรมดาอย่างตนไม่อาจเข้าถึงตัวเจ้าชายได้

“เลิกบีบน้ำตาเป็นนางเอกละครหลังข่าวซักที ฉันไม่หลงกลเธอหรอกพัชรี ในเมื่อไม่ยอมบอกว่าเธอเป็นใคร งั้นเราจะหาเอง” ว่าแล้วปีเตอร์ก็เอากระเป๋าเธอมาเทของออกหมด เจอกล้องถ่ายรูป กล้องวีดิโอ และที่สำคัญบัตรนักข่าว เขาถามเธอว่ามีอะไรจะแก้ตัวอีก

พัชรีฟูมฟายสารภาพว่าตนถูกเจ้านายบังคับให้มาทำข่าว ไม่อย่างนั้นจะตกงาน เธอคร่ำครวญขอให้เขาไว้ชีวิต ปีเตอร์สั่งเสียงเฉียบหยุดฟูมฟาย จะให้อภัยแต่เธอต้องหาที่มาของแหวนมรกต และตนเห็นติ๊งโหน่งใส่ที่นิ้ว ต้องไปสืบมาว่าซื้อมาจากร้านไหน ถ้าไม่สำเร็จจะตัดหัว

ooooooo

หลายวันมานี่ โซว์พยายามฝึกซ้อม โดยมีขิงช่วยเคาะจังหวะให้ จนเธออ่อนล้าเคาะผิดๆถูกๆ เขาเอ็ดให้ตั้งใจ ขิงบ่นอุบ เคาะจนเมื่อยไปหมด โซว์ย้อนว่าตนก็เมื่อยแต่ไม่สามารถหยุดได้ เพราะสัญญากับยายไว้แล้ว จะต้องทำให้ได้ ขิงจ๋อยรู้สึกผิด ขยับตัวนั่งเคาะจังหวะใหม่ดีๆ

โซว์ฝึกซ้อมอยู่นานจนเริ่มหมดแรง เซจะล้ม ขิงตกใจเข้าประคองและบอกให้เขาพักบ้าง เขาฝืนจะรำต่อ แต่ด้วยความอ่อนล้า จึงทรุดลงกองกับพื้น ขิงนั่งลงข้างๆ

“ก็บอกแล้วไม่เชื่อ เหนื่อยมันก็ต้องพัก” ว่าแล้วก็นวดไหล่ นวดแขนให้โซว์รู้สึกสบายขึ้น มองเธออย่างซาบซึ้ง เผลอเอามือเธอมากุม ขิงทำตาดุจะเอาเรื่อง เขารีบปล่อย ขิงอายๆ ลุกขึ้น เดินสะดุด เขาหัวเราะขำ มองตามหลังเธอด้วยสายตาไม่เหมือนก่อน

ooooooo

คืนนั้น ติ๊งโหน่งฟื้นขึ้นมาแต่ยังเบลอ เห็นอำนาจที่ยืนเฝ้าอยู่เป็นเจ้าชาย จึงทำท่าเซ็กซี่กวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้ๆ แล้วปล้ำจะจูบ อำนาจขนพองสยองเกล้า ร้องลั่นว่าตนไม่ใช่เจ้าชาย ชรินทร์กับคุณหญิงฉาด- ประภาเข้ามาเห็นตกใจ ชรินทร์ชกหน้าอำนาจหาว่าปล้ำลูกสาว อำนาจปฏิเสธเสียงหลง ติ๊งโหน่งได้สติ แปลกใจถามขึ้นว่า ตนกลับมาอยู่บ้านได้อย่างไร

พอรู้ว่าเจ้าชายให้รถที่โรงแรมมาส่ง ติ๊งโหน่งก็ร้องไห้ฟูมฟายว่าเจ้าชายรังเกียจตน ชรินทร์กับคุณหญิงกลับปลอบลูกว่า เจ้าชายเป็นสุภาพบุรุษมากกว่า ไม่อยากให้ลูกต้องเสื่อมเสีย เธอจึงคิดใหม่ว่าเจ้าชายช่างเท่เหลือเกิน ชรินทร์เห็นแหวนของตนที่นิ้วลูก

“นี่มันแหวนของพ่อ ไปอยู่ที่ลูกได้ยังไง พ่อนึกว่าหายไปซะอีก”

“คุณพ่อลืมไว้ในห้องน้ำ ลูกเห็นว่าสวยดีเลยเอามาใส่”

“ขอพ่อคืนเถอะลูก นี่เป็นแหวนที่คุณทวดของคุณทวดของคุณทวด ท่านมอบให้กับลูกหลานผู้ชายในตระกูลของเรา มันมีแค่วงเดียวในโลก” ชรินทร์รับแหวน จากลูกสาวมาสวม…

หลายวันผ่านไป ทั้งขิง ตุ๊ก และรุ้งช่วยกันทำจังหวะให้โซว์รำ จู่ๆยายขมก็ขว้างไม้เข้ามากลางวง โซว์สะดุ้งตนทำอะไรผิดอีก ยายขมมองโซว์หัวจรดเท้า ด่าว่ารำแบบนี้ไปกินรำเสียดีกว่า เขาไม่เข้าใจกระซิบถามขิงว่าคืออะไร ตุ๊กอธิบายแทนว่า คืออาหารของหมู โซว์หน้าเสีย

โซว์มายืนครุ่นคิดริมน้ำ ขิงเข้ามาปลอบอย่าคิดมาก ยายตนเป็นคนด่าแรง ด่าตรงแต่เดี๋ยวก็ลืม เขาอ้าปากจะพูด ขิงยกมือห้าม “อย่าเพิ่งพูดจนกว่าจะฟังฉันจบ ฉันรู้นายไม่พอใจที่ยายว่านายเป็นหมู แต่หมูมันก็น่ารักดีนะ ตัวอ้วนๆสีชมพู ถึงจะน่ารักสู้หลินปิงไม่ได้ แต่มันก็โอนะ ถูกด่าว่าเป็นหมู ยังดีกว่าถูกด่าว่าสมองกลวงเหมือนลาโง่”

โซว์หัวเราะออกมา ขิงหาว่าเขาเพี้ยน เขาโต้ว่าเธอต่างหากที่เพี้ยน ตนไม่ได้คิดมาก ตนไม่ใช่ผู้หญิงจะมาคิดเล็กคิดน้อย  ตนกำลังคิดหาทางลบคำสบประมาทของยาย แต่เธอมาทำให้เสียสมาธิ ขิงดีใจดึงมือโซว์มากุมและว่าตนเอาใจช่วย เขามองมือขิงอึ้งๆ เธอนึกได้รีบปล่อยมือทำหน้าเขินๆ โซว์ยิ้มทั้งที่เขินเหมือนกัน

จนเย็นย่ำ โซว์ก็ยังไม่เลิกซ้อม ทุกคนล้อมวงรอกินข้าว ท่าทางขิงร้อนใจเป็นห่วง ตุ๊กจะไปตาม รุ้งตัดหน้าว่าตนไปเอง เธอมองเห็นโซว์ยังฝึกร้องลิเก เขาบอกเธอว่าไม่หิว ถ้าทำยังไม่ได้จะไม่กินข้าว รุ้งมองตาเป็นประกาย

“ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ แมน มุ่งมั่น ขยัน ตั้งใจ คนแบบนี้แหละเหมาะที่จะเป็นพ่อของลูกเราที่สุด เจ้าชายของฉัน”

กลางดึก ขิงนอนไม่หลับเป็นห่วงโซว์ มองไปเห็นยายกับรุ้งหลับไปแล้ว จึงลุกจะไปดู ยายขมเกิดละเมอสั่งซื้อน้ำเต้าหู้ ขิงถอนใจ เธอออกมาเห็นโซว์นอนแผ่หลา จึงหาข้าวปลามาให้กิน เขากินด้วยความหิวโหย เธอเตือนระวังจะสำลัก ไม่ทันขาดคำเขาก็สำลักขึ้นมา

“นั่นไง เห็นมั้ย ถ้านายสำลักข้าวตาย ยายฉันไม่มีพระเอกลิเก นายถูกยายฉันแช่งไม่ให้ไปผุดไปเกิดแน่”

โซว์ยิ้มขำๆ ขอบใจขิงที่ห่วงตน ขิงเฉไฉว่ากลัวเขาจะมาตายในบ้านต่างหาก โซว์กินคำสุดท้ายเรอเอิ้ก ออกมา ขิงเอ็ด

“ทุเรศ ฉันรู้ว่านายอยากรำเป็นเร็วๆ แต่ถ้าท้องไม่อิ่ม มันจะมีแรงได้ยังไง ยื่นขามา…”

โซว์แปลกใจ ขิงบอกให้ยื่นมา เธอเอายาสมุนไพรชโลมขาและนวดให้เขา ปากก็บ่น

“เห็นนายแล้วทั้งสงสาร ทั้งสมเพช รำเหมือนหุ่นกระบอก ไม่มีอารมณ์ ไม่มีความอ่อนช้อยสักนิด ขืนปล่อยให้นายซ้อมรำเอง ชาตินี้ก็ไม่มีทางถูกใจยายฉันหรอก”

“พูดอย่างกับตัวเองรำเป็น”

“พ่อแม่ฉันเป็นพระเอก นางเอกลิเก ฉันเกิดมาก็อยู่แต่ในโรงลิเก ทำไมฉันจะรำไม่เป็น”

“อ้าว…ไหนบอกเล่นลิเกไม่เป็นไง”

“ฉันไม่ใช่คนชอบโม้ แต่บังเอิญว่ามีพรสวรรค์”

“เนี่ยนะไม่โม้ งั้นก็รีบๆสอนเถอะคนมีพรสวรรค์ อยากเห็นจริงๆว่าผู้หญิงที่ไม่เหมือนผู้หญิงอย่างเธอ จะรำได้ยังไง”

ขิงหาว่าดูถูก ลุกขึ้นตั้งวงแขน เท่านั้นโซว์ก็ตะลึงและมองเธอรำอย่างทึ่งๆขิงสอน “การรำลิเก ไม่ใช่สักแต่ว่าจะรำ เพราะท่าแต่ละท่ามีความหมาย อย่างท่านี้ เขาแปลว่าโกรธ ท่านี้แปลว่าอาย ท่านี้แปลว่าเสียใจ…”

โซว์พยายามทำตาม ต่างคนต่างตั้งใจช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

ooooooo

ซ้อมมาทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอน เช้ามา รุ้งยังลากตัวโซว์ออกไปตลาด เพื่ออวดคนที่ตลาดว่า เขาเป็นแฟนตน และจะเป็นพระเอกลิเกคนใหม่ของคณะยายขม พวกแม่ค้ารุมถามโซว์ว่าคิดอย่างไรเอารุ้งมาเป็นแฟน โซว์ฟังไม่เข้าใจ รุ้งปัดอย่าไปสนใจ…แก้วรู้ข่าว ยายขมตั้งคณะลิเกขึ้นมาอีก ก็ไม่พอใจคิดหาวิธียับยั้ง

ขิงเห็นรุ้งควงโซว์กลับมาจากตลาดก็เคือง ยายขมด่ารุ้งขรมที่กลับมาช้า โซว์ขอตัวไปนอนต่อ ยายขมโวยเวลานอนไม่นอน เวลานี้เป็นเวลาทำงานก็ต้องทำงานขิงกับตุ๊กช่วยกันขอร้องยายให้โซว์กลับไปนอน ยายขมไม่พอใจ

“ไหนรำให้ข้าดูสิ ว่าเมื่อคืนซ้อมอะไรมา”

ตุ๊กตีฉิ่งให้จังหวะแก่โซว์ เขารำอย่างอ่อนล้าเซจะล้ม ขิงจะเข้าประคองแต่รุ้งไวกว่า ยายขมเอ็ดให้รุ้งถอยไป โซว์ลุกขึ้นพยายามจะรำต่อ ยายขมแอบยิ้มที่เขามีความอดทน แก้วกับยอดดอดเข้ามาแอบดู พอเห็นว่าโซว์จะมาเป็นพระเอกคนใหม่ก็ไม่พอใจ เดินอาดๆเข้ามาประจันหน้า

“น้ำหน้าอย่างแก จะเป็นพระเอกลิเกได้ยังไง มันต้องฉันนี่” แก้วผลักอกโซว์

ขิงโกรธจะเข้าไปเอาเรื่องแต่ยายขมไวกว่าใช้ไม้ตีหัวแก้ว “ใครถามความเห็นเอ็ง…”

ขิงยิ้มเยาะสมน้ำหน้า แก้วฉุนด่าว่าโซว์ตัวซีดเหมือนจิ้งจก ไปชอบมันได้อย่างไร ขิงโต้คนเราไม่ได้ดูกันที่เปลือกนอก ต้องดูที่จิตใจ และชมว่าโซว์ใสสะอาดกว่าเขามาก ยอดรีบแปลความหมาย ดูย่ำแย่ลงไปอีกว่า ขิงด่าแก้วสกปรก โสโครก เหม็นเน่า แก้วโวยไม่ต้องแปล

โซว์ทนไม่ไหวบอกแก้วให้ออกไป แก้วถามกวนๆว่าพูดเป็นแล้วหรือ รุ้งออกมาปกป้อง

“อย่ามาว่าเจ้าชายฉันนะไอ้แก้ว ไอ้กักขฬะ ไอ้นักเลง ไอ้คนไม่มีการศึกษา”

“นังรุ้งมันบอกว่าพี่เลว เลวสุดๆ เลวโคตรๆ” ยอดแปลความหมายอีก

“เฮ้ย…รู้แล้ว จะแปลทำไมบ่อยๆวะ…แล้วแกดีตายล่ะนังรุ้ง นังหัวสูง นังสิบเอ็ดรอดอ นังหลงแสงสี นังใจแตก” แก้วหันมาด่ารุ้ง

“แก้วมันบอกว่าเอ็งน่ะเป็นกระซู่กูปรี มีนองอกบนจมูก” ตุ๊กแปลความให้บ้าง

“อ๊าย ไม่ต้องแปล ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้สะสางชำระความกับแก ฉันไม่ใช่นังรุ้ง” รุ้งจะตบแก้ว

แก้วเงื้อมือกลับ โซว์เข้าชกหน้าแก้วโครม…ตุ๊กสะใจ “มันต้องอย่างนี้สิวะ ไอ้โซ่”

ยอดเห็นลูกพี่เลือดกบปากก็ร้องลั่น แก้วเจ็บใจลุกขึ้นจะเล่นงานโซว์ แต่เขาหลบ แก้วถลาไปเจอหน้ายายขม ยายใช้ไม้เกาหลังฟาดหัว แล้วผลักแก้วเซไปทางตุ๊ก ตุ๊กใช้ฉิ่งตบบ้องหูแก้วตาเหล่มึนงง เซมาทางขิง ขิงผลักเขากระเด็นไปล้มทับยอด ยายขมประกาศถ้ายังไม่ยอมออกไปจะเอากะทิร้อนๆมาราดให้ร้องเอ๋ง สองคนรีบลุกขึ้นวิ่งหนีออกไป ขิงตบมือดีใจ พอหันมาเห็นโซว์ล้มแน่นิ่งหมดสติไปแล้ว ทุกคนตกใจ…

เวลาผ่านไป ขิงเดินมาหายายขมซึ่งกำลังนั่งห่อขนมอยู่ ยายถามว่าหน้าวอกตายหรือยัง ขิงรู้ว่ายายห่วงแต่ทำเป็นเก๊ก ยายขมโต้ว่ากลัวจะมาตายในบ้านต่างหาก ขิงยิ้มอย่างรู้ทัน
“จ้า ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง ฉันให้กินข้าวต้มแล้วก็หลับไปแล้ว เมื่อคืนเล่นซ้อมรำทั้งคืน แถมต้องตื่นไปกับยัยรุ้งกินน้ำอีก จะไม่น็อกได้ไง”

ยายขมแอบถอนใจ ขิงขยับเข้าช่วยและขอร้องยาย “ยายให้โอกาสโซ่เขาหน่อยนะจ๊ะ เขาตั้งใจแล้วก็พยายามมากเลยอ่ะยาย  ยายสอนฉันอยู่บ่อยๆว่าเราควรให้โอกาสคนอื่น ยายก็นึกซะว่าโซ่เป็นลูกนกลูกกา ลูกหมาลูกแมวก็แล้วกันนะ”

“ปกติข้าไม่เคยเห็นเอ็งจะใส่ใจใคร แต่ทำไมกับไอ้หน้าวอก เอ็งถึงเป็นห่วงมันนัก”

ขิงไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร จึงทำทีเป็นปวดท้องวิ่งเข้าห้องน้ำ ยายมองตามอย่างสงสัย

ooooooo

ระหว่างทำงานในออฟฟิศ พัชรีเครียดจะหาที่มาของแหวนมรกตนี้ได้อย่างไร พลัน บก.เข้ามาเรียกสั่งงาน เธอถึงกับสะดุ้ง บก. ให้เธอไปทำข่าวฝังลูกนิมิต เธอฉุนหาว่าลดเกรดของตน แต่พอเห็นชื่อคนเปิดงานคือชรินทร์ก็รีบรับงานนี้ทันที

บรรยากาศในงานฝังลูกนิมิต ผู้คนมากมาย พัชรีพยายามส่องกล้องมองหาชรินทร์กับติ๊งโหน่ง แต่พอจะเข้าใกล้ก็โดนอำนาจกันออกมา

“ฉันจะเข้าถึงตัวยัยช้างน้ำยังไงดีเนี่ย เฮ้อ…”

เห็นชรินทร์เอาแบงก์พันหยอดใส่ตู้ทำบุญเป็นปึก แล้วกลับมาคุยกับเจ้าอาวาส จู่ๆติ๊งโหน่งก็โพล่งถามขึ้นว่า

“หลวงพ่อขา ชาติหน้าติ๊งอยากสวยเหมือนชาตินี้ ไม่ทราบว่าติ๊งต้องทำบุญด้วยอะไรคะ”

“ก็ทำบุญด้วยของหอมๆ ของสวยๆสิโยม ชาติหน้าจะได้เกิดมาหน้าตาสวยตัวหอม”

“ว้าย…หลวงพ่ออ่ะ ชมกันได้ ติ๊งเขิน”

ชรินทร์กระซิบกับลูกสาวว่า หลวงพ่อพูดไปตามสัจธรรม ติ๊งโหน่งหน้าเจื่อน พอดีมีเด็กที่จูงมือพ่อแม่มางานชี้มาที่ติ๊งโหน่งแล้วร้องบอกแม่ว่า ในวัดมีตัวประหลาดด้วย พ่อแม่มองไป พอเห็นว่าเป็นใครก็รีบดึงลูกหลบ ติ๊งโหน่งโวยวายอย่าหนี ชรินทร์ปรามลูกให้ใจเย็นท่องไว้ยุบหนอพองหนอ เธอกลับร้องไห้โฮหาว่าพ่อว่าตนเป็นคางคกตัวพอง

“พ่อไม่ได้บอกว่าลูกตัวพองเป็นคางคก ลูกติ๊งของพ่อน่ะน่ารักจะตายอยู่แล้ว แต่ว่าที่นี่เป็นวัด พ่อไม่อยากให้ลูกเหวี่ยง เดี๋ยวชาติหน้าเกิดมาไม่สวยนะ”

ติ๊งโหน่งนึกได้ เลี่ยงไปเติมลิปสติกให้สวย พัชรีได้โอกาสเบียดคนเข้ามาใกล้ ติ๊งโหน่งเขียนปากเลอะ เธอยื่นกระดาษทิชชูให้ ติ๊งโหน่งหันมามองดีใจที่เห็นพัชรี แต่อดต่อว่าไม่ได้ วันก่อนทำไมอยู่ๆก็หายไป พัชรีหาข้อแก้ตัวว่ามีธุระด่วนสุนัขที่บ้านไม่สบาย แล้วชวนคุยเรื่องอื่น

พัชรีหยั่งเชิงถามว่าทำไมวันนี้ไม่ใส่เครื่องประดับ ติ๊งโหน่งบอกว่า แม่ไม่ให้ใส่เพชรมางานแบบนี้ พัชรีแนะใส่พวกพลอยสีก็ได้ อย่างเช่นมรกต ติ๊งโหน่งตอบว่า ตนไม่ค่อยชอบ

“ติ๊งชอบเพชร ต้องคุณพ่อสิคะ ท่านชอบสะสมพวกอัญมณี ท่านมีแหวนมรกตอยู่วงหนึ่งด้วยค่ะ”

เข้าทาง พัชรีรีบถามว่าซื้อมาจากไหน ตนอยากซื้อให้พ่อบ้าง ไม่ทันที่ติ๊งโหน่งจะตอบ อำนาจมาตามบอกว่าชรินทร์เรียก พัชรีจึงอดรู้ที่มาของแหวน เธอทรุดนั่งอย่างเซ็งๆ พลันปีเตอร์โทร.เข้ามา เธอไม่กล้ารับเพราะยังไม่มีความคืบหน้า…แต่พอกลับมาที่ออฟฟิศ โทรศัพท์บนโต๊ะดัง เธอรับสาย ตกใจเพราะเป็นปีเตอร์ เขาสั่งเสียงเฉียบให้เธอมาหาเดี๋ยวนี้ เธอวางสายหน้าเสีย

บนที่นอน โซว์พลิกตัวลืมตาขึ้นมา เห็นขิงกำลังสัปหงกอยู่ข้างๆ เขายิ้มอย่างเอ็นดู เธอเริ่มเอนจะล้ม เขารีบลุกเข้าประคองเธอไว้ในอ้อมกอด ขิงรู้สึกตัวเห็นหน้าโซว์ในระยะใกล้ก็ตกใจ รีบลุกขึ้นขยับออกห่าง ถามว่าเขาตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่

“เมื่อกี้ น่าปลื้มใจจริงๆ ที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ” โซว์ยิ้มกรุ้มกริ่ม

“บ้า ฉันไม่ได้เฝ้านายซักหน่อย ฉันง่วงขึ้นมากะทันหัน ก็เลยกะจะงีบ รีบไปแปรงฟันได้แล้ว ปากเหม็น” ขิงตัดบทไล่โซว์ไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินเขินออกมา

โซว์มองตามอมยิ้ม ยายขมยืนมองอยู่ห่างๆ ชักไม่ค่อยพอใจ เกรงหลานสาวจะไปรักชอบฝรั่งหัวแดง…

ยายขมตักน้ำแกงให้ตุ๊กเอาไปให้โซว์ซด ตุ๊กดีใจที่แม่มีน้ำใจกับโซว์ ยายขมกลับบอกว่า อยากให้แข็งแรงเร็วๆจะได้ออกไปจากบ้านเสียที ตุ๊กตกใจที่แม่จะไล่โซว์

“ข้ากังวลใจ ไม่อยากให้นังขิงกับไอ้วอกมันได้กันน่ะสิ”

ตุ๊กทำเสียงล้อคิดมากไปหรือเปล่า แต่พอเห็นแม่หน้านิ่งๆก็เสียงอ่อยถามพูดจริงหรือ ยายขมย้อนถามว่าไม่เห็นแววตาที่โซว์มองขิงหรือ เหมือนสมัยที่พ่อเอ็งมองตอนจีบตน

“แหมแม่ก็ ถ้าหลานเราจะมีความรักขึ้นมาจริงๆ แม่จะไปห้ามมันทำไม”

“ไอ้มีน่ะมีได้ แต่ไม่ใช่กับไอ้คนนี้ หัวนอนปลายเท้ามาจากไหนก็ไม่รู้ แค่เจอกันไม่กี่อาทิตย์จะรู้ได้ยังไงว่าไอ้หน้าวอกมันดีหรือไม่ดี ข้ากลัวนังขิงจะถลำลึกจน ถอนตัวไม่ขึ้น แล้วมันจะเจ็บ คนหล่อๆอย่างไอ้หน้าวอกจะมาจริงจังอะไรกับสาวบ้านนอกอย่างนังขิง”

ตุ๊กล้อว่าแม่มีหลานสวยเลือกได้ ยายก็รวยบ้านช่องใหญ่โต ยายขมโกรธที่มาประชด ตนแค่จะตัดไฟแต่ต้นลมเท่านั้น ตุ๊กอ่อนใจ ไม่ทันไร โซว์กับขิงเดินเข้ามา ยายขมจึงบอกว่าตนมีเรื่องจะคุยกับโซว์ตามลำพัง ขิงกับตุ๊กเดินออกไป แต่ขิงอดไม่ได้ที่จะแอบฟังเพราะเป็นห่วงโซว์

ยายขมเริ่มเกริ่นว่าเห็นความตั้งใจและความพยายาม ของเขาแล้ว ขอบใจในความมุ่งมั่นแต่ของแบบนี้ต้องใช้เวลาฝึกซ้อม ฉะนั้นเลิกเสียเถอะ โซว์ตกใจรีบสัญญาว่าจะทำให้ได้ ยายขมว่าไม่มีประโยชน์เสียเวลาเปล่า ขิงทนฟังไม่ได้ เดินออกมาจากที่แอบอยู่

“ยายเห็นแก่ตัว ทำไมยายถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้ โรงลิเกเป็นความต้องการของยายคนเดียวเมื่อไหร่ ฉันเองก็อยากเห็นโรงลิเกฟื้นคืนมาอีกครั้ง แล้วทำไมยายถึงไม่ให้โอกาสโซ่เขาบ้าง”

“เอ็งไม่รู้อะไร ไม่ต้องพูด พาเพื่อนเอ็งกลับไปได้แล้ว ข้าไม่อยากเห็นหน้ามันอีก อยู่ไปก็เสียเวลา” ยายขมเดินไป ปล่อยขิงกับโซว์อึ้ง

โซว์มานั่งมองเงาตัวเองในน้ำ เอ่ยขอบใจขิงที่สอนอะไรหลายๆอย่างให้ ตนชอบที่นี่มาก แต่คงไม่เหมาะกับตนเพราะยายเกลียดตน ขิงเขย่าแขนเขาไม่ยอมให้กลับไปโดนฆ่า เขาจับมือเธอปลอบว่าตนไม่ตายง่ายๆหรอก กลับถึงบ้านเมื่อไหร่แล้วจะโทร.หา ให้จำไว้ว่าเธอเป็นเพื่อนแท้และเพื่อนรักเพียงคนเดียว ทั้งคู่สบตากันอย่างห่วงใย โซว์ตัดใจปล่อยมือเธอจะไปเก็บของ ขิงฮึดขึ้นมา บอกว่าไม่ต้องไปไหน ตนจะไปคุยกับยาย

ขิงเห็นยายขมนั่งยองๆเด็ดผักสวนครัวอยู่แล้วลุกไม่ขึ้นจึงเข้าประคอง แซวว่าเจ็ดสิบแล้วนะไม่ใช่สิบเจ็ด จะได้มานั่งยองๆเด็ดผักแบบนี้ ยายขมค้อนขวับย้อนว่าก็หลานไม่รัก หาว่าเห็นแก่ตัว ตนก็ต้องทำเอง ขิงประคองยายมานั่งบนแคร่ ก้มกราบขอโทษ แล้วตบปากตัวเองลงโทษที่พูดไปด้วยอารมณ์ ยายขมเอ็ดไม่ต้องมาอ้อนขอให้โซว์อยู่ต่อ ตนไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ขิงตัดสินใจ เล่าให้ยายขมฟังว่า โซว์เป็นลูกหนี้ ที่จ้างตนทำงานแล้วยังไม่มีเงินจ่าย ตนจึงต้องพามาที่นี่ด้วย พอยายขมรู้จำนวนเงินที่ติดถึงกับอ้าปากค้าง

“มันให้เงินเอ็งตั้งมากขนาดนี้ เอ็งกับมันไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันใช่ไหม”

ขิงว่ายายพูดน่าเกลียด ยายขมให้รับปากว่าจะไม่ไปชอบพอกันเด็ดขาด ขิงพยักหน้างึกๆ พอขิงมาบอกโซว์ เขาดีใจลืมตัวโผกอดเธอ ขิงหน้าเหวอเอ็ดให้ปล่อย สองคนทำหน้าเก้อๆ

ooooooo

ตกเย็น ยายขมกับตุ๊กมาจ่ายตลาด คนที่ตลาดซักถามกันใหญ่เรื่องที่จะเปิดโรงลิเก ถามว่ามีพระเอกใหม่แล้วหรือ ยายขมแปลกใจทำไมทุกคนรู้เรื่อง พวกแม่ค้าบอกว่ารุ้งมาโพนทะนา
ตุ๊กเห็นว่ากระแสดี รีบยุให้แม่เปิดการแสดงเร็วๆ เพื่อสานฝันของพ่อให้เป็นจริง…ยายขมตัดสินใจบอก

ทุกคนว่าให้โซว์แสดงเป็นพระเอกลิเก เขาดีใจโผหอมแก้มยายฟอดใหญ่

วันต่อมา ตุ๊กับรุ้งออกมาป่าวประกาศที่ตลาด ให้พ่อแม่พี่น้องมาซื้อบัตรชมลิเกคณะยายหอมที่จะแสดงในอีกสามวันข้างหน้า พร้อมเปิดตัวพระเอกคนใหม่ ทั้งสาวและแก่รุมซื้อบัตรกันยกใหญ่ แก้วยืนมองด้วยความไม่พอใจ คิดจะล้มงานนี้ให้ได้

พอยายขมรู้ว่าตุ๊กไปป่าวประกาศว่าจะแสดงลิเกในอีกสามวันก็ตกใจ โซว์เองก็ตกใจแต่สร้างความมั่นใจให้ยายขม รับรองว่าตนแสดงได้ ยายขอคิดดูก่อน ตุ๊กแย้ง คิดไม่ได้แล้ว เพราะตั๋วขายหมดเกลี้ยงเลย รุ้งเพ้อฝันว่างานนี้จะต้องเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ดังกระฉ่อนไปทุกสถานี ฉะนั้นเรื่องที่จะเล่นต้องทันสมัย มีบทตบจูบ ยายขมเขกหัวรุ้ง

“บ้าน้ำลาย ข้าตัดสินใจแล้วว่าลิเกเรื่องแรกของการกลับมาของคณะยายขมคือเรื่อง จันทโครพ ยุค 2011”

ว่าแล้วยายขมก็คิดชื่อใหม่ให้โซว์ ตุ๊กกับรุ้งเสนอชื่อมา แต่ยายขมว่าไม่เอาไหน ขิงจึงบอกว่าให้ใช้ชื่อทองคำ ยายขมเคาะหัวขิงแล้วเอ็ด

“นั่นมันชื่อผัวข้า ตาเอ็ง พ่อไอ้ตุ๊ก”

“แหม มิน่า ขิงก็ว่ามันคุ้นปาก พูดออกมาแบบไม่ได้คิด”

“ไม่ได้เรื่องสักคน อย่างไอ้โซ่ มันต้องชื่อ…ศรรัก ศิษย์ยายขม”

รุ้งปลื้มแต่ขิงว่าเชย ตุ๊กร้องขัด “ศรรักมันเป็นชื่อตาเอ็ง พ่อข้า ผัวยายขม ตอนที่เล่นเป็นพระเอกลิเก”

ooooooo




ชอบเว็บนี้ กด Like เลย

Tags:
ขอขอบคุณ Youtube Channel: TV3 Official, gmmchannel, GTHchannel, MCOT Official และ ช่อง one

ความคิดเห็น


เพื่อนๆที่ดูไม่ได้แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม Chrome ในการดูนะครับ