ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555

รักเกิดในตลาดสด — 19 สิงหาคม 2012

ละครรักเกิดในตลาดสด ออกอากาศทางช่อง 3
โดยค่าย แอ๊ค อาร์ต ละครรักเกิดในตลาดสด กำกับโดย อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ หลังข่าวภาคค่ำ 20.30 น. ทางช่อง 3 เริ่มวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม (ต่อจาก ธรณีนี่นี้ใครครอง)

นำแสดงโดย
มารีโอ้ เมาเร่อ รับบท ต๋อง รักเกิด
มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า รับบท กิมลั้ง
จริยา แอนโฟเน่ รับบท กิมฮวย
สถาพร นาควิไลโรจน์ รับบท เคี้ยง
ภาวิดา มอริจจิ (ซิลวี่ เดอะสตาร์7) รับบท กิมแซ
ชนัตพล ลังสิทธิเสถียร(แจ็ค ไรเดอร์) รับบท จาตุรงค์
สุเทพ ประยูรพิทักษ์ รับบท เต๊กไฮ้

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 1

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 2

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 3

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 4

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 5

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 6

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 7

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 8

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 9

ดูรักเกิดในตลาดสดย้อนหลัง (ตอนที่ 7) 18 สิงหาคม 2555 ช่วงที่ 10



รักเกิดในตลาดสด ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ หลังข่าวภาคค่ำ 20.30 น. ทางช่อง 3

เรื่องย่อประจำตอน ละครรักเกิดในตลาดสด

ตอนที่ 7

เพราะกิมฮวยกับกิมลั้งไปดินเนอร์ เคี้ยงก็ไปกินข้าวต้ม กิมแชเหงาๆเลยส่งข้อความถึงจาตุรงค์เตือนอย่าลืมกินยาและอวยพรให้หายเร็วๆเมื่อจาตุรงค์ออกจากโรงพยาบาลก็คิดจะเร่งทำคะแนนกับกิมลั้ง วันนี้ไปหากิมแชที่บ้าน กิมแชกำลังทำงานบ้านและร้องเพลงอย่างมีความสุข จาตุรงค์ได้ยินเสียงเพลงที่ไพเราะถึงกับชะงักหยุดฟังจนเพลงจบ จึงเข้าไปหากิมแช

อ่านต่อ

จาตุรงค์บอกกิมแชว่า อยากให้ไปช่วยเลือกซื้อของขวัญให้กิมลั้ง คิดว่ากิมแชรู้ใจกิมลั้งกว่า คงจะเลือกของได้ถูกใจกว่าตน กิมแชยินดีไปช่วย

เมื่อได้เวลาเที่ยง จาตุรงค์ชวนหาอะไรกินเอาแรงก่อนดีไหม จาตุรงค์พากิมแชไปกินพิซซ่า คุยอวดว่าตนรู้จักร้านสูตรต้นตำรับ แต่วันนี้กินแบบพื้นๆแก้หิวไปก่อนก็แล้วกัน กิมแชรีบย้ำว่าสัญญาแล้วนะ

“สัญญาซิ เรื่องกินน่ะถึงไหนถึงกัน” จาตุรงค์รับคำจริงจัง แล้วพากิมแชเข้าร้านพิซซ่า

หลังจากนั้นช่วยกันไปหาซื้อของขวัญ จาตุรงค์ถามว่าแน่ใจหรือว่ากิมลั้ง จะประทับใจของขวัญนี้ กิมแชรับรองว่าชอบแน่ คุยว่าบางทีตนยังรู้ดีกว่าเจ้าตัวกิมลั้งด้วยซ้ำว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร จาตุรงค์เลยถามว่าแล้วกิมลั้งชอบตนไหม

“คือ…เจ้น่ะเขาเป็นคนที่ไม่ใช่จะรักจะหลงใครง่ายๆหรอก เขาต้องใช้เวลาศึกษา สรุปว่าถ้าอยากชนะใจเจ้ ก็ต้องเข้าใจเขาให้มากๆ ซึ่งคนที่จะทำให้พี่รงค์เข้าใจเจ้ได้ดีก็มีแต่กิมแชเท่านั้นล่ะ”

จาตุรงค์เลยฝากเนื้อฝากตัวกับกิมแช กิมแชเผลอปากถามว่าไม่ฝากใจด้วยหรือ ทำเอาจาตุรงค์สะดุ้ง กิมแชแก้เกี้ยวว่า ถ้าเขาจะทุ่มเทกับเรื่องนี้ก็ต้องให้ใจหน่อย

ซื้อของเสร็จผ่านโรงหนัง จาตุรงค์ชอบนางเอกส่วนกิมแชเป็นแฟนคลับของพระเอก เลยชวนกันเข้าไปดูหนัง แต่พอดูจบออกมา กิมแชหยิบโทรศัพท์ดู พบว่าแม่มิสคอลล์มามากมาย กิมแชพึมพำอย่างกังวล

“ตายแล้ว…มิสคอลล์จากม้าเพียบเลย ทำไมกระหน่ำโทร.ขนาดนี้เนี่ย”

พอกลับถึงบ้าน กิมฮวยงงเมื่อเห็นกิมแชมากับจาตุรงค์ กิมแชรีบชี้แจงว่าเขามาขอแรงไปเลือกของขวัญให้กิมลั้ง เลยรอดตัวไป ส่วนที่มิสคอลล์แล้วไม่ตอบรับนั้น จาตุรงค์บอกว่ากิมแชลืมเปิดเสียงมือถือ แล้วชวนเข้าไปเยี่ยมกิมลั้งพร้อมของขวัญ

กิมฮวยให้กิมแชมาเฝ้ากิมลั้งแทน เพราะตนต้องไปขายของ บอกกิมแชว่าเดี๋ยวจะให้เคี้ยงเอาเสื้อผ้ามาให้ จาตุรงค์พยายามจะขออยู่เฝ้ากิมลั้ง ถูกเคี้ยงขัดคอว่า “กลับบ้านก่อนดีกว่าน่า ลื้อเขาใจใช่ไหมว่ามีแต่ผัวเท่านั้นล่ะที่จะนอนเฝ้าเมียที่โรงพยาบาล” จาตุรงค์เลยจำต้องกลับไปพร้อมเคี้ยงกับกิมฮวย

ณดาอยู่เฝ้าต๋อง ป้อนน้ำป้อนข้าวให้ เฝ้าอยู่ไม่ยอมห่าง ถูกศักดิ์ชายบอกให้คิตตี้กับชมพู่มาเยี่ยมต๋อง เพื่อกันณดาออกไป เมื่อณดารู้เธอพูดให้ศักดิ์ชายเจ็บใจว่า คนอย่างตนคิดจะจับใครรับรองไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน ทำให้ศักดิ์ชายแค้นใจนัก

ooooooo

เพราะกิมแชมาเฝ้ากิมลั้ง ทำให้กิมลั้งกับต๋องมีโอกาสได้สื่อสารกระทั่งพบปะกันบนดาดฟ้า ต่างคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และคุยกันถึงชายขอทานที่ถูกตำรวจจับไป

ทั้งกิมลั้งและต๋องมีความรู้สึกเดียวกันว่า น่าเห็นใจ ชายขอทาน และเสียดายที่แต่ก่อนเราก็ไม่ได้คิดจะช่วยเหลืออะไรเขาเลย คุยกันแล้วต๋องเห็นว่ายังไม่สายเกินไปถ้าเราจะช่วยคนด้อยโอกาสได้มีทางออกกับชีวิตของตัวเอง

ตรงกันข้าม ที่บ้านชายศักดิ์ สามพ่อแม่ลูกกำลังวางแผนที่จะบีบบรรดาลูกหนี้ที่กู้เงินไป ให้เริ่มใช้หนี้งวดแรก โดยจะใช้แผนเข้ม โหด ถ้าใครไม่ใช้หนี้ตามกำหนดก็จะมีผลต่อชะตาชีวิต

เป็นช่วงที่ต๋องออกจากโรงพยาบาลพอดี ชาวตลาดพากันไชโยโห่ร้องต้อนรับต๋องด้วยความดีใจ เมื่อกลับมาแล้ว ต๋องเห็นคิตตี้กับชมพู่ไปทำจมูกมา ก็บอกว่า

ไม่มีอะไรดีกว่าของธรรมชาติที่มีอยู่ แล้วก็ตัดบทว่าไม่อยากยุ่งกับจมูกใครแล้ว เริ่มงานของเราดีกว่า ต๋องขอเวลาประชุมชาวตลาดสักสิบห้านาที บอกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่ตนกับกิมลั้งโดนทำร้ายวันก่อน

เมื่อชาวตลาดให้ความร่วมมือมาประชุม ต๋องแจ้งและขอความเห็นจากทุกคนว่า

“เรื่องของเรื่องก็คือ…ฉันอยากให้ตลาดของเราช่วยจัดหางานให้กับคนที่ไร้อาชีพน่ะ เพราะคนพวกนั้นเขาไม่มีกินกันใช่ไหม ถึงต้องฉกสร้อยของชมพู่ไป ฉันเลยคิดว่า ถ้าพวกเราช่วยกันสร้างโอกาสให้เขาหารายได้ เขาก็ไม่ต้องทำอะไรแย่ๆ แบบนั้นอีก”

มีเสียงทักท้วงว่าเราไม่ใช่สำนักจัดหางานนะ ต๋องเห็นว่าชุมชนเล็กๆอย่างเราถ้าแบ่งเบาภาระให้สังคมได้เราก็ควรทำเพราะ “ถ้าชาวตลาดเรามีสวัสดิภาพขึ้น ก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาปาดคอเพราะไม่มีจะกินอีก”

ในที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นด้วย ป้าพิณถามว่าแล้วเราจะให้ทำอะไรดี

“เราก็ให้งานในแบบที่พวกเราจะให้ได้ไงจ๊ะป้า อย่างช่วงนี้มีคนเข้าตลาดเราเยอะใช่ไหม ลำพังเลื่อนกับรักเร่ก็เข็นของกันไม่ทัน เราก็รับเขามาเป็นทัพเสริมใครจะจ้างก็จ้างไป หรือแผงไหนเด็ดผักหั่นของไม่ทันจะจ้างพวกเขามาช่วยเป็นรายครั้งไปก็ได้”

งานนี้ งามตาหญิงขาพิการที่ไม่ยอมแพ้กับชีวิตมายืนขายพิซซ่าและยังมีแก่ใจที่จะร่วมโครงการอย่างเต็มที่ จนต๋องยกเป็นตัวอย่างชื่นชมว่า คนอย่างนี้แหละที่งามจริงๆ คืองามที่ใจ

ระหว่างนั้นเองทุกคนที่ไปกู้เงินจากบังเว้ยเฮ้ยก็ได้รับข้อความนัดไปพบด่วน

“ให้มันได้ยังงี้ซิ” ต๋องบ่นเซ็งๆที่พอจะเริ่มทำอะไรก็มักจะมีอุปสรรคทุกครั้งไป

ooooooo

บังเว้ยเฮ้ยเรียกประชุมที่ตึกแถวเดิม แต่คราวนี้เล่นบทเค็ม เหี้ยม เรียกชาวบ้านมาเตือนว่า ขอให้ทุกคนจ่ายเงินผ่อนงวดแรกให้ตรงเวลา ถ้าใครผิดเวลาบังไม่คิดดอกเบี้ย แต่จะคิดชีวิตกันเลยทีเดียว

บรรดาลูกหนี้ทั้งหลายพากันหัวเราะคิกคักคิดว่าบังขู่เล่นๆ แต่ป้าพิณกังวลกลัวบังเว้ยเฮ้ยจะทำจริง

ไม่เพียงมีเรื่องวุ่นๆในหมู่ชาวตลาดร่วมใจเกื้อเท่านั้น ณดาเองก็ถูกสดศรีผู้เป็นแม่นัดพบกับคุณหญิงพลอยจรัสที่เคยหมายตากันไว้ว่าจะให้ณดากับเพชรแท้ลูกชายคุณหญิงแต่งงานกันตั้งแต่ทั้งสองยังเด็กๆ

หลังจากนัดพบกันแล้ว เพชรแท้พาณดาไปกินข้าวในร้านอาหารหรู เขานั่งจ้องหน้าณดาอย่างกักขฬะ เวลากินก็กินอย่างมูมมาม สกปรกเลอะเทอะ พูดจาโผงผางโวยวาย จนณดามองกลัวๆถามว่า “พี่เพชรแท้ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ” เขาก็ตอบห้ามๆหื่นๆว่า “ก็จะเป็นสามีน้องในไม่ช้านี้ไงครับ”

ณดาสุดที่จะทนนั่งอยู่ได้ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เพียงเธอเดินพ้นโต๊ะไปเท่านั้น เพชรแท้ก็โทรศัพท์ส่งเสียงหวานทำท่าชดช้อยริกรี้คุยกับปลายสายว่า

“เพตตี้เองปีเตอร์ นังชะนีณดามันเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว รับรองว่าชีไม่กล้ารับปากคุณหญิงแม่เรื่องแต่งงานแน่ๆ…โอเค…สวีทฮาร์ท จะรีบไปเดี๋ยวนี้ เปิดจากุซซี่แรงๆรอไว้ได้เลยจ้ะ” เพชรแท้เก็บโทรศัพท์ยิ้มสะใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ส่วนณดาพอเข้าห้องน้ำก็รีบล้างมือลูบแขนที่ถูกเพชรแท้แตะต้องร้องอย่างรังเกียจ “ยี้…ไอ้คนบ้ากาม” แล้วขับรถกลับไปเลย

เมื่อต๋องปรึกษากับชาวตลาดทุกคนให้ความร่วมมือร่วมใจกันทำโครงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสแล้ว ต๋องกับกิมลั้งก็ช่วยกันเอาใบปลิวไปปิดประกาศเพื่อผู้สนใจจะได้มาสมัครงานกันที่ตลาด ยิ่งช่วยกันทำงานความรู้สึกดีๆต่อกันก็แนบแน่นลึกซึ้งขึ้น ต่างให้กำลังใจกันที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จ

แต่ท่ามกลางการทำงาน กิมลั้งกับต๋องก็ยังต้องฝ่าฟันการขัดขวางของกิมฮวย ที่จับจ้องกีดกันทุกวิถีทางไม่ให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกัน แม้แต่โครงการที่จะช่วยผู้ด้อยโอกาส กิมฮวยก็มองว่าต๋องใช้เป็นข้ออ้างเพื่อใกล้ชิดกิมลั้ง มีแต่กิมแชที่ยังคอยลุ้นและเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกัน กระทั่งชมว่า

“จะมีผู้ชายสักกี่คนที่รักขนาดเสียสละเอาชีวิตเข้าแลก อย่างนี้นี่เอง เจ้เขาถึงได้รักได้ห่วงพี่ต๋องนัก” ต๋องทำหน้าทึ่งถามว่าขนาดนั้นเลยหรือ “ก็จริงนี่ ทุกครั้งที่พี่ต๋องมีปัญหานะ เจ้ก็จะเป็นจะตายไปด้วยทุกที ตอนที่พี่ต๋องแย่มากๆ เจ้ถึงกับเอาคลิปที่พี่ต๋องซ้อมดนตรีไปออกยูทูบไปลงนั่นนี่ เพราะอยากให้มีแมวมองมาเห็น แล้วเจ้ก็ทำสำเร็จจริงๆ ด้วยเห็นไหมล่ะ”

ต๋องเพิ่งรู้ความจริงนี้จากกิมแชทำให้ยิ่งสะเทือนใจ กิมแชยังบอกว่าช่วงที่กิมลั้งช่วยต๋องแล้วไม่บอกให้รู้นั้นเพราะเห็นต๋องทำท่าหมางเมินเหินห่าง ทำให้ต๋องตั้งใจที่จะบอกสาเหตุที่ทำให้เขาต้องทำตัวห่างเหินเพราะถูกกิมฮวยด่าว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว

ooooooo

หลังจากช่วยกันปิดประกาศได้ไม่นาน ก็มีคนมาสมัครงานเป็นคนช่วยขนขยะตามแผงไปรวมไว้ในที่หลังตลาด ต๋องมั่นใจว่าต้องมีคนใช้บริการมาก เก็บแผงละห้าบาทสิบบาท วันๆ ก็น่าจะได้เงินหลายร้อย

แต่ปัญหาตามมาคือ จะเอารถเข็นที่ไหนมาให้ใช้ขนขยะ จะเอาถังขยะที่ไหนมาใส่ขยะ เมื่อแบปัญหากันแล้ว ก็มีทางแก้ เมื่อกิมลั้งจะให้ยืมรถเข็นของตน และณดาก็จะ ไปหาถังขยะที่หลังสำนักงานเคยเห็นวางซ้อนๆ กันอยู่หลายใบ

ศักดิ์ชายยังไม่ละความพยายามที่จะจับณดาให้ได้ เมื่อเห็นเธอมาทำโครงการกับต๋องก็อาสาจะช่วย ถูกณดาใช้ให้ไปแยกขยะหน้ามอมแมมก็โกรธ หาว่าเธอใช้ตนทำงานเพื่อทำคะแนนกับต๋อง ด่าสาดเสียเทเสียว่า

“ใช้ผัวไปบริการชู้ คุณทำได้ยังไง”

“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำตัวเถื่อนถ่อยกับฉันนะ มีปัญหามากก็ไปหาตลาดอื่นขายสิ จะมาทู่ซี้อยู่ที่นี่ต่อไปทำไม”

ศักดิ์ชายยังประจานณดาอ้างตัวเป็นผัวเธอ จนณดาตวาดถามว่าจะออกไปดีๆ หรือจะให้คนมาลากออกไป เขาจึงเปิดประตูออกไปอย่างฉุนเฉียว ณดามองตามด้วยความแค้นไม่น้อยกว่ากัน

ooooooo

เกิดโศกนาฏกรรมแก่บรรดาคนรักสวยรักงามที่ไปเสริมจมูกมา ปรากฏว่าทุกคนจมูกเน่า บวม มีน้ำเหลืองซึมออกจากผ้าปิดแผล

ทั้งชมพู่ คิตตี้ และสาวที่ไปเสริมจมูก ต่างวิ่งโร่ หากันด้วยความตกใจ ในที่สุดก็ต้องพากันไปโรงพยาบาลกันทั้งหมด เมื่อต๋องรู้ข่าวจึงชวนเลื่อนกับรักเร่ไปเยี่ยม เห็นแต่ละคนร้องครวญครางด้วยความระบมเจ็บปวด

“เป็นไงล่ะ อยากสวย…เจอหมอปลอมหลอกเข้าไปดั้งเกือบเน่า ดีนะหมอที่นี่ช่วยไว้ทัน” ต๋องให้บทเรียน ชมพู่บอกว่าเพราะเขาทำราคาถูกและมีโปรโมชั่นไปสี่จ่ายสองตนเลยรีบไปทำ

นอกจากเจ็บตัว ดั้งเน่าแล้ว ปัญหาหนักหน่วงที่ตามมาคือ เงินที่กู้บังเว้ยเฮ้ยมาทำจมูกแล้วเหลือไม่พอค่ารักษาพยาบาลที่มากกว่าค่าทำจมูกหลายเท่านัก

กู้เงินมาพร้อมกัน ไปทำจมูกมาพร้อมกัน แล้วก็จมูกเน่ามานอนโรงพยาบาลเตียงติดๆ กัน เลยโทษกันไปมาว่าถูกอีกฝ่ายยุให้ไปทำจมูก รักเร่กับเลื่อนชวนต๋อง

กลับดีกว่าเพราะมีแรงทะเลาะกันขนาดนี้คงไม่เป็นไรแล้ว

แต่พอต๋องจะกลับ บรรดาก๊วนเสริมจมูกก็พากันโวยวายให้ต๋องอยู่เป็นกำลังใจก่อน ไม่อย่างนั้นพวกตนตายแน่ๆ ต๋องเลยต้องนั่งให้พวกสาวๆ กุมมือกันคนละข้าง เลื่อนกับรักเร่พลอยได้รับอานิสงส์ยื่นมือให้สาวๆ กุมด้วย แต่พอคิตตี้กับชมพู่เห็นว่าเป็นมือใครก็สะบัดทิ้ง ทำท่าราวกับจับอาจมมา

“อ้าว…ไหนว่าอยากได้กำลังใจ” เลื่อนบ่นทำหน้าเซ็ง

ooooooo

ที่ห้องรับแขกบ้านสดศรี วันนี้ณดาถูกแม่เรียกมาถามเรื่องเพชรแท้ว่าเป็นอย่างไร ทำไมต้องหลบหน้าแม่และหนีเพชรแท้กลับมา ณดาถามว่าเขาโทร.มาบอกหรือ

สดศรีตัดบทว่าใครบอกไม่สำคัญ ที่สำคัญคือตอนนี้คุณหญิงพลอยจรัสกังวลมาก เพราะเมื่อเช้านี้สามีอาการหนักขึ้นมาอีก คุณหญิงเลยอยากจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย

ณดาบอกแม่ว่าตนแต่งงานกับเพชรแท้ไม่ได้ สดศรีคาดคั้นถามว่าทำไมไม่ได้ ทั้งที่เพชรแท้มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ และทรัพย์สมบัติ จะหาผู้ชายที่ครบเครื่องขนาดนี้ได้อีกที่ไหน

“แต่ณดาว่าเขาเป็นคนแปลกๆ”

“โธ่…คนยังไม่ทันคุ้นเคยกันมันก็ต้องรู้สึกแปร่งๆบ้างเป็นธรรมดา แม่น่ะเคยเห็นพ่อเพชรแท้เขามาตั้งแต่เด็ก เห็นนิสัยกันมา แม่รับรองว่าเขาต้องไม่ทำให้ลูกผิดหวัง”

ณดาบอกว่าตนไม่ผิดหวังเพราะไม่เคยหวังอะไรจากเขา ย้ำว่า “เขาไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ณดาชอบ”

สดศรีถามว่า แสดงว่าณดามีใครแล้วใช่ไหม ณดาตอบไม่ออก ถูกแม่ยื่นคำขาดว่าถ้าไม่บอกก็ต้องแต่งงานกับเพชรแท้ จนสุดท้ายณดาโพล่งออกไปว่า

“คุณต๋องค่ะ”

“นายต๋อง…พ่อค้าขายผักเนี่ยนะ!?!”

เมื่อณดายืนยัน สดศรีถามว่าเกิดอะไรขึ้น หาแฟนที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ สั่งณดาให้เลิกกับต๋องทันที

“ต๋องเขาไม่ดีตรงไหนคะ คุณแม่ลืมแล้วเหรอคะว่าที่มีลูกค้ากลับเข้าตลาดมากมายอย่างทุกวันนี้น่ะเพราะใคร ถ้าคุณแม่ได้ต๋องมาเป็นลูกเขย ก็เท่ากับมีคนช่วยบริหารตลาดไปโดยปริยาย ไม่ดีหรือยังไงคะ”

สดศรียืนยันว่าไม่เหมาะสม ตนจะโทร.เร่งคุณหญิงให้หาฤกษ์แต่งงานเดี๋ยวนี้เลย พลางหยิบมือถือขึ้นมากด

“ไม่ได้นะคะคุณแม่ ณดากับคุณต๋องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันกว่าที่คุณแม่คิดนะคะ”

สดศรีช็อก ปล่อยมือถือหลุดมือนิ่งงันไปอึดใจก่อนจะแผดเสียงออกมา “อ๊ายยยยยย!!!!”

ทวีที่มาได้ยิน เอามือปิดปากตัวเองตะลึงงัน

ooooooo

เพียงอึดใจเดียว ข่าวนี้ก็แพร่ไปทั้งตลาด ทวีกับเครือฟ้ากลายเป็นอีกาคาบข่าวที่ถูกรุมซักถามกันอย่างตื่นเต้นกับเรื่องที่คาดไม่ถึง

จะเด็ด เต็กไฮ้ และกิมฮวย ต่างสมน้ำหน้าสะใจที่มีข่าวด้านลบของต๋องออกมา กิมฮวยป่าวร้องอย่างสะใจว่า

“คราวนี้ทุกคนก็รู้เช่นเห็นชาติไอ้ต๋องกันแล้วนะ หวังว่าพวกลื้อจะได้คิด แล้วก็เลิกหลงผิดกันเสียที”

แต่ป้าพิณกับคำมูลก็ยังเห็นความดีของต๋องที่ทำให้ตลาดคึกคักขึ้นมา ทำให้ชาวตลาดเงยหน้าอ้าปากกันได้ คนแบบนี้ถ้าคุณนายไม่ตะครุบไว้ก็โง่แล้ว

“ถ้าคิดกันอย่างนั้นก็เห็นกงจักรเป็นดอกบัวกันต่อไปก็แล้วกัน” จะเด็ดเยาะเย้ย

“แล้วก็ระวัง สักวันมันจะวกกลับมาตัดคอพวกลื้อ” เต็กไฮ้ผสมโรง แล้วทั้งสองก็พากันออกไป

ชาวตลาดพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเมามัน กิมฮวยหันมาเห็นกิมลั้งน้ำตาไหล เลยด่าซ้ำ

“ถ้าไม่เห็นโลงศพก็ไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหมอากิมลั้ง ร้องแล้วก็ให้มันตาสว่างขึ้นล่ะ จะได้ไม่โง่ไปหลงคำพูดของไอ้ผู้ชายเก๋าเจ้งแบบนั้นอีก เข้าใจไหม!!”

กิมลั้งไม่ตอบ แต่น้ำตาไหลพรากๆ อาบใบหน้าที่นิ่งราวกับหุ่น

ooooooo

ต๋องรับคิตตี้กับชมพู่ออกจากโรงพยาบาล พอเดินมาที่ตลาด เขาชี้ให้ดูงามตาที่ขาพิการแต่ยังมายืนขายแซนด์วิชอย่างแข็งขัน ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเห็นหมาก็เอาข้าวให้กิน เห็นเด็กจรจัดคนประจำก็ให้แซนด์วิชด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมตตา

“เราสองคนดูพี่งามตาไว้นะ จะได้ไม่โหยหาความสวยงามที่ไหนให้เจ็บตัวอีก” ชมพู่ถามว่าหมายความว่ายังไง ต๋องพูดทั้งที่ตายังมองอยู่ที่งามตาว่า “ลองดูซิว่าสภาพพี่งามตาเขามีอะไรที่สู้คิตตี้กับชมพู่ได้บ้าง แต่แปลกใจไหมว่า ทำไมคนในตลาดหลายๆคนถึงรักเขาจนมองข้ามความพิการของเขาไป”

“นั่นสิ…ทำไม” คิตตี้ถาม

“ก็พี่งามตาเขาไม่เคยคิดว่าชีวิตเขาขาดอะไรไปไงคิตตี้ เขาหาความสุขจากสิ่งที่มี ก็เลยไม่ต้องกระเสือกกระสนอยากมีอยากได้ในสิ่งที่ขาด พอเขามีความสุขพอ เขาก็รู้จักแบ่งปัน อย่างน้อยๆการให้ที่ราคาถูกที่สุดอย่างรอยยิ้มคือสิ่งที่เราได้รับจากพี่งามตาอยู่ตลอด”

ทั้งคิตตี้และชมพู่ต่างเห็นด้วย ชมพู่ยังพูดอย่างชื่นชมว่า เวลาที่งามตายิ้ม โลกดูสว่างยังไงไม่รู้

“นี่ไงล่ะ…ที่เขาเรียกว่าคนสวย แล้วก็เป็นสวยที่งามที่ทน คงอยู่กับเราไปทั้งชีวิต” ต๋องชี้ให้เห็นลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ชมพู่โผเข้ากราบอกต๋องขอบคุณที่ให้สติ และขอบคุณที่มีน้ำใจไปรับพวกตนจากโรงพยาบาล แต่พอ

กราบขอบคุณเสร็จแทนที่จะผละออก กลับกราบติดลมจนแทบซบอกต๋อง จนคิตตี้ทนไม่ได้ ดึงชมพู่ออกมาแล้วตัวเองก็เข้าไปกราบบ้าง ที่ร้ายคือทำยิ่งกว่าชมพู่เสียอีก สองสาวเลยฉวยโอกาสทีเล่นทีจริงกับต๋องกันเพลิน

ทันใดนั้น ต๋องเห็นกิมลั้งเดินออกจากตลาด เขาเรียกด้วยความดีใจ สลัดสองสาวรีบไปหากิมลั้ง บอกว่าเมื่อวานตนยังค้างเรื่องที่จะบอกเธออยู่ พูดไม่ทันขาดคำก็ถูกกิมลั้งตบหน้าฉาดใหญ่ จนทุกคนมองช็อก

“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกต่อไปแล้ว” กิมลั้งพูดใส่หน้าต๋องแล้วเดินสะบัดไป

เมื่อคิตตี้กับชมพู่ได้ฟังเรื่องต๋องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับณดาจากเขียวหวานและคำมูลแล้ว ต่างกรี๊ดออกมาแล้ววิ่งไปหาต๋อง ชมพู่แทบจะร้องไห้ถามต๋องว่า “มันไม่จริงใช่ไหมพี่ต๋อง…”

ต๋องเองฟังแล้วทั้งเครียดทั้งงงว่าเกิดอะไรขึ้น เดินลิ่วไปหาณดาที่ห้องทำงานของเธอในตลาดทันที พอเล่าเรื่องที่ได้ฟังจากเขียวหวานกับคำมูลให้ฟัง ณดาตกใจถามว่า “คนในตลาดพูดกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

แล้วเธอก็เล่าให้ต๋องฟังว่า ตนเป็นคนบอกคุณแม่ไปอย่างนั้น เพราะถูกคุณแม่บังคับให้แต่งงาน ต๋องถามอย่างรับไม่ได้ว่าเธอหาเหตุผลดีกว่านั้นไม่ได้แล้วหรือ เธอชี้แจงเสียงอ่อยว่า ขนาดตนบอกอย่างนั้นไปแล้ว

คุณแม่ยังจะบังคับให้ตนเลิกกับเขาเพื่อไปแต่งงานกับเพชรแท้ ต๋องฟังแล้วพูดไม่ออก

“ณดาขอโทษที่โกหกจนทำให้คุณเดือดร้อน แต่ณดาคิดว่ายังไงเสียเรายังไปจัดการแก้ปัญหากันทีหลังได้ แต่ถ้าณดาต้องรับปากคุณแม่เรื่องแต่งงาน ชีวิตที่เหลือของณดาคงต้องจบแน่ๆ”

“แต่ชีวิตผมคงจบตั้งแต่ตอนนี้”

“ก็ได้ค่ะ ถ้ามันทำให้คุณลำบากใจ ณดาจะไปบอกความจริงกับคุณแม่เดี๋ยวนี้” ณดาพูดอย่างน้อยใจ หยิบกระเป๋าจะเดินออกไป ต๋องเรียกไว้ มองหน้าเธอ ถอนใจ ถามว่า

“ถ้าผมยอมช่วยคุณ บอกได้ไหมว่าทุกอย่างมันจะจบลงเมื่อไหร่”

“ณดาขอเวลาไม่นานหรอกค่ะคุณต๋อง ให้คุณแม่กับคุณป้าพลอยจรัสเชื่อสนิทใจว่าณดาไม่มีทางกลับไปหาพี่เพชรแท้แน่ แล้วณดาจะบอกความจริงกับทุกคนเอง” ณดารีบรับปากด้วยความดีใจ ต๋องจำต้องยอมตามนั้น แต่พอเขาจะเดินไป เธอกลับเรียกเขาไว้ “เดี๋ยวค่ะคุณต๋อง ณดาขอให้เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสองคนนะคะ จะมีใครรู้ไม่ได้แม้แต่…กิมลั้ง”

“ทำไมกิมลั้งถึงรู้ไม่ได้ครับ” ต๋องไม่สบายใจที่ต้องปกปิดกิมลั้งต่อไป

“ก็ต่อจากนี้ไป ใครๆก็คงต้องเฝ้าสังเกตอาการของกิมลั้งกับคุณอยู่แล้ว ถ้าทุกคนเห็นว่ากิมลั้งเสียใจจริงๆ คุณแม่คงเชื่อเหมือนกันว่าคุณคงไม่มีทางกลับไปหากิมลั้งแน่ๆ”

เหตุผลของณดา ทำให้ต๋องพยักหน้าเห็นด้วย ณดาเข้าไปเกาะแขนต๋องพูดอย่างซึ้งใจ “ขอบคุณมากนะคะ…”

ooooooo

ศักดิ์ชายยังไม่ละความพยายามที่จะแย่งณดามาเป็นของตน เขายุกิมลั้งว่า ใครๆก็รู้ว่าเธอกับต๋องคิดอย่างไรต่อกัน กิมลั้งถามว่ามาพูดเรื่องนี้กับตนทำไม

“จริงอยู่ ฉันเป็นเพื่อนกับจาตุรงค์ แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นด้วยเลยนะที่มันจะมาพรากเธอจากคนที่เธอรัก กรณีคุณณดาก็เหมือนกัน เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะมาแย่งต๋องไปจากเธอ”

แต่ศักดิ์ชายก็ต้องผิดหวัง เมื่อยุกิมลั้งไม่ขึ้น เลยปรามาสว่า “ทำไมเธอทำตัวเป็นคนขี้แพ้อย่างนี้ล่ะกิมลั้ง เธอจะยอมเสียคนที่เธอรักให้คนอื่นไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ”

“มันจะมีประโยชน์อะไรที่ฉันจะรั้งคนที่เอาหัวใจให้คนอื่นไปแล้ว” กิมลั้งพูดอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วเดินไปเลย

“เดี๋ยวซิกิมลั้ง…เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ…โธ่เว้ย!!” ศักดิ์ชายฮึดฮัดหัวเสียที่ทำแนวร่วมกับกิมลั้งไม่สำเร็จ

ooooooo

แต่แล้ว เรื่องกลับกลายเป็นว่า สดศรีรีบกลับมาที่ตลาด เจอต๋องกับณดายังยืนคุยกันอยู่ก็รี่เข้าไปหา

บอกว่าดีแล้วเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาจะได้พูดเสียทีเดียวเลย

ณดาใจไม่ดีถามว่าคุณแม่มีอะไรหรือ สดศรีเล่าอย่างเร่งด่วนว่า ตนไปคุยกับคุณหญิงพลอยจรัสเรียบร้อยแล้ว จึงต้องรีบกลับมาจัดการปัญหาที่เหลือ พูดแล้วจ้องหน้าต๋องเขม็ง ณดาใจคอไม่ดีถามว่าเรื่องอะไรหรือ

“นายต๋อง! เธอทำให้ลูกสาวคนเดียวของฉันต้องเสียหายขนาดนี้แล้ว เธอจะทำกับลูกสาวฉันเหมือน

ผักปลาไม่ได้” ต๋องกลั้นใจถามว่าแล้วคุณนายจะให้ทำอย่างไร สดศรีโพล่งออกไปว่า “แต่งงานกับลูกสาวฉัน”

ต๋องอึ้ง ศักดิ์ชายที่แอบฟังอยู่ก็อึ้งไปด้วย ณดาถามสดศรีว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย

“แม่จะไม่มีวันยอมให้นายต๋องมาเอ้อระเหยลอยชายอยู่แบบนี้ เพราะลูกสาวแม่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี

ที่สำคัญ…ใครๆก็รู้ว่านายต๋องกับกิมลั้งน่ะยังไงๆกันอยู่เพราะฉะนั้นแม่ต้องการจัดพิธีแต่งงานเพื่อประกาศให้ผู้หญิงทุกคนรู้ว่าจะมายุ่งเกี่ยวกับนายต๋องไม่ได้อีก”

แล้วสดศรีก็หันไปพูดกับต๋องว่าการแต่งงานครั้งนี้จะไม่มีการจดทะเบียนสมรส หวังว่าคงไม่มีปัญหา ทั้งยังพูดลำเลิกว่า “เพราะเท่าที่ฉันยอมให้นี่ก็ถือว่ามากเกินไปสำหรับคนอย่างเธอแล้ว”

ต๋องจะโต้แย้ง แต่ถูกณดาชิงพูดขึ้นก่อน เธอเสนอว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนสองคน ตนขอเวลาปรึกษาหาข้อสรุปกันก่อน เย็นนี้จะกลับไปบอกแม่

“ก็ได้…แต่ถ้าเย็นนี้แม่ยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอนละก็…รับรองว่าคราวนี้หนูได้กลับไปเป็นสะใภ้คุณหญิงพลอยจรัสแน่ เพราะจนถึงขนาดนี้แล้ว คุณหญิงก็ยังอ้าแขนรอจับหนูใส่ตะกร้าล้างน้ำให้ลูกชายเขาอยู่เลย” ทิ้งระเบิดซ้ำไปอีกลูกแล้วสดศรีก็
ขับรถกลับไป ศักดิ์ชายที่แอบฟังอยู่ทนไม่ได้หันหลังเดินออกไปเหมือนกัน

ณดาบอกต๋องให้กลับไปพักผ่อนก่อน ต๋องทุกข์หนักบอกว่าเรื่องชักจะบานปลายไปกันใหญ่แล้ว ณดาปลอบใจว่าไม่ต้องห่วง ตนจะขอเวลาคุณแม่อีกสักสามเดือนเพื่อเตรียมตัว ท่านจะได้ตายใจไม่มาบีบคั้นอะไรเราอีก

“แล้วหลังจากสามเดือนล่ะ”

“ณดาไม่ยอมปล่อยให้คุณรอจนอกแตกตายขนาดนั้น หรอกค่ะ แล้วณดาจะหาจังหวะค่อยๆบอกความจริงท่านเอง สบายใจขึ้นรึยังคะ” ต๋องขอตัวไปอย่างเหนื่อยล้ามาก ณดาจิกตามองตาม บอกกับตัวเองว่า “ระหว่างนี้ล่ะที่ฉันจะทำให้คุณเปลี่ยนใจมาขอฉันแต่งงานเอง”

ooooooo

ต๋องซ้อมดนตรีกับเลื่อน รักเร่ และเพื่อนร่วมวงที่ร้านขายของเก่าตามปกติ แต่เขาไม่มีสมาธิในการซ้อม เสียงของกิมลั้งที่บอกว่า เราไม่มีอะไรจะพูดกันอีกต่อไปแล้ว ยังอื้ออึงอยู่ในความรู้สึก จนสุดท้ายเขาซ้อมต่อไม่ได้ ต้องขอโทษเพื่อนร่วมวงพอแค่นี้ก่อน แล้วลุกเอาเครื่องดนตรีไปเก็บหงอยๆ

เลื่อนเข้าใจความรู้สึกของต๋อง จับบ่าเขาบอกว่า ใครจะว่าไงก็ช่าง แต่ตนเชื่อว่าข่าวลือเรื่องเขากับณดาไม่ใช่เรื่องจริงแน่นอน ส่วนรักเร่ก็บอกให้กลั้นใจอดทนรอหน่อย ไม่ช้าความจริงต้องปรากฏ ต๋องขอบใจทั้งสองด้วยความซึ้งใจ

ส่วนกิมแชบอกกิมลั้งที่ห้องนอนว่า ตนไม่เชื่อว่าต๋องจะทำเรื่องแบบนี้ เพราะ “อั๊วรู้นะว่าเจ้กับพี่ต๋องน่ะรักกันจะตาย”

“บางทีเราอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นความรักก็ได้” กิมลั้งพูดปลงๆ

กิมแชไม่เชื่อ จะโทร.ไปหาต๋องพูดกันให้รู้เรื่อง ถูกกิมลั้งห้ามไว้เพราะถ้าไม่จริง คนอย่างต๋องไม่มีทางนิ่งเฉยอยู่หรอก ทั้งยังพูดอย่างมั่นใจว่า “ลื้อจำได้ใช่ไหมที่อั๊วเคยบอกว่าระยะหลังต๋องเปลี่ยนไป ที่แท้เหตุผลมันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”

กิมแชยังจะโทร.อีกเพราะเชื่อว่าต้องมีอะไรซับซ้อนกว่าที่เรารู้แน่ๆ ทำให้กิมลั้งห้ามเสียงดัง พอรู้ตัวก็ขอโทษน้องบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ กิมแชจับมือพี่สาวไว้พูดอย่างเห็นใจ เข้าใจว่า

“เจ้…อั๊วเข้าใจ…อั๊วว่าอั๊วปล่อยให้เจ้อยู่คนเดียวสักพักแล้วกันนะ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น”

พอกิมแชออกไป กิมลั้งก็น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้ ลุกเดินไปยืนร้องไห้ที่ระเบียง

ต๋องมายืนมองขึ้นไปที่ห้องกิมลั้งอยู่หน้าบ้าน เขาพึมพำอย่างทำใจไม่ได้ว่า

“ทำไมฉันกับเธอต้องเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย”

พลันต๋องก็สะดุ้งเมื่อมีแสงไฟหน้ารถสาดเข้ามา เขารีบหลบ เห็นเคี้ยงลงจากรถมาเปิดประตูรั้ว แต่พอเขามองขึ้นไปที่ระเบียงอีกที ไม่เห็นกิมลั้งแล้ว จึงเดินคอตกกลับไป

ooooooo

เคี้ยงเข้าบ้านอย่างระแวดระวัง ไม่เห็นกิมฮวยที่ก้มเก็บของพอดี พอเดินผ่านไปกิมฮวยก็ย่องตามหลังอย่างจับพิรุธ เคี้ยงหันมาเห็นตกใจร้องลั่นเลยทำให้กิมฮวยตกใจไปด้วย

กิมฮวยตั้งข้อสังเกตว่าหมู่นี้เคี้ยงสังสรรค์บ่อยเหลือเกิน เพื่อนพวกนั้นเป็นลูกเมียรึไงถึงต้องพบกันทุกคืน

“อากิมฮวย…ที่ผ่านมายี่สิบสามสิบปีน่ะ ชีวิตอั๊ว

ก็มีแต่เรื่องส่งของกับนอนเฝ้าบ้าน ชีวิตที่เหลือนี่ขอให้อั๊วได้พูด ได้คุย ได้มีเพื่อนชดเชยเวลาที่หายไปบ้างได้ไหม ไม่งั้นลื้อจะมีผัวเป็นโรคประสาทนะ”

กิมฮวยระบายความกลัดกลุ้มเรื่องลูกเรื่องผัว

ของตัวเองบ้าง บอกเคี้ยงว่าทุกวันนี้กิมลั้งก็ซึมเศร้าเอาแต่ร้องไห้อย่างกับพ่อแม่ตาย

ขณะนั้นเอง มีโทรศัพท์เข้ามือถือของเคี้ยง พอเคี้ยงเห็นเป็นเบอร์โทร.ของเบิร์ดก็ตกใจ กิมฮวยคิดว่าเป็นเต็กกอโทร.มาก็คว้าโทรศัพท์ไปดู เคี้ยงรีบบอกว่าไม่ใช่เต็กกอแต่เป็นพวกโทร.มาขายของ ทำเป็นบ่นว่า บอกแล้วว่าไม่ซื้อๆ ก็ยังโทร.มาไม่ดูเวล่ำเวลา กิมลั้งจึงเอาไปรับสายบอกว่าตนจะจัดการเอง

พอได้ยินเสียงปลายสายเป็นผู้หญิงก็ปรี๊ดแตก ด่าไปทันที “นี่…เป็นโรคจิตรึไงหา ผัวอั๊วบอกว่าไม่ซื้อลื้อไม่เข้าใจรึไง แล้วก็ไม่ต้องโทร.มาอีกนะไม่งั้น อั๊วจะคิดว่าลื้อมีเจตนาแอบแฝงจะขายอย่างอื่นให้ผัวอั๊วด้วย” ด่าแล้วกดตัดสายเลย
เคี้ยงถึงกับสะอึกกับท่าทีเกรี้ยวกราดของกิมฮวย

ส่วนเบิร์ดกดปิดสายแล้วยืนหูอื้อที่ถูกด่ามาเป็นชุด

ooooooo

ศักดิ์ชายไม่ยอมแพ้ หาทางที่จะรวบรัดณดาให้ได้ คืนนี้จึงไปนั่งพิงประตูรั้วบ้านณดาอย่างหมดอาลัยตายอยาก เมื่อเธอออกมาถามว่ามาทำอะไร เขาบอกว่าแค่อยากจะมาบอกลา มาเห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้าย เพราะทนไม่ได้ที่ตัวเองกลายเป็นส่วนเกินในชีวิตของเธอไปแล้ว

เมื่อเห็นท่าทีณดาอ่อนลง เขาขอเวลาคุยกับเธอดีๆเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตได้ไหม เมื่อณดาใจอ่อน เขาเสนอว่า

“แต่ต้องไปคุยกันที่อื่นนะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี”

เมื่อณดาขึ้นรถไปด้วย ศักดิ์ชายขับรถไปจอดที่ริมน้ำบรรยากาศดี แล้วพากันลงจากรถไปยืนที่ริมฝั่งแม่น้ำ ณดาเร่งว่ามีอะไรจะคุยก็ว่ามาเลย

ศักดิ์ชายไม่พูด แต่เอาผ้าเช็ดหน้าปิดกึ่งปากกึ่งจมูกเธอและล็อกเธอไว้อย่างแข็งแรง ครู่เดียวณดาก็หมดสติไป

เช้าวันรุ่งขึ้น ณดารู้สึกตัวขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในเรือเร็วที่ศักดิ์ชายกำลังขับบ่ายหน้าออกทะเล เธอลุกพรวดจะไปเอาเรื่องเขา แล้วตัวเองก็ถูกกระชากล้มเพราะที่เท้ามีเชือกผูกอยู่ ทำได้แค่ด่าเขาอย่างโกรธจัด ถูกศักดิ์ชายลุกมาจับจูบปากอย่างระห่ำขู่ว่าถ้ายังไม่หยุดพูดจะจูบอีก ทำให้ณดาไม่กล้า เขาจึงเดินย้อนกลับไปขับเรือบอกว่าจะพาไปเกาะสวาทหาดสวรรค์…

ooooooo

เช้าวันเดียวกันนี้ สดศรีเดินอ้าวไปที่ตลาดท่าทางหน้าตาเอาเรื่อง ตรงไปที่แผงขายผักของต๋อง คว้ากะหล่ำปลีปาต๋อง ทั้งด่าทั้งถามว่า เอาณดาไปซ่อนไว้ที่ไหน

ต๋องปัดป้องพลางก็บอกว่าตนไม่รู้เรื่อง สดศรีไม่เชื่อ ครู่เดียวกิมฮวย จะเด็ด และเต็กไฮ้ก็มาผสมโรงด่าต๋อง ยุคุณนายให้ไล่ต๋องออกจากตลาดไปเลย คิตตี้กับชมพู่ช่วยต๋องชี้แจง แต่ไม่มีใครฟัง ถูกพวกสดศรีด่ากลบเสียงหมด

ทันใดนั้นเสียงเตือนแมสเสจจากมือถือของ

สดศรีดังขึ้น สดศรีหยิบขึ้นมาดู พอเห็นเป็นเบอร์ของณดาก็ดีใจ รีบกดอ่านท่ามกลางสายตาของชาวตลาดที่มองอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ขอโทษที่หายตัวมาโดยไม่บอกคุณแม่นะคะ ณดาอยากจะปลีกตัวมาคิดเรื่องระหว่างต๋องกับตัวเองให้ดีๆน่ะค่ะ เพราะณดาก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันบางทีอาจจะไม่เหมาะสมกันอย่างที่คุณแม่ว่าก็ได้ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ พร้อมเมื่อไหร่ณดาจะติดต่อกลับไปหาคุณแม่เอง”

พอรู้ว่าณดาส่งแมสเสจมา ทั้งคิตตี้และชมพู่ที่โต้เถียงแก้ต่างให้ต๋องเมื่อครู่ก็ได้ที คิตตี้มองหน้าคุณนายและทุกคนพูดเสียงดังใส่ว่า “บอกแล้วว่าต๋องไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้”

ส่วนชมพู่แสบกว่า มองกราดไปที่คู่อริทั้งหลายของต๋อง ยกมือประนมท่วมหัว “เป็นไง…เมื่อกี้ใครที่ด่าพี่ต๋องเอาไว้ขอให้เข้าตัว…เพี้ยง…” ชมพู่มองกราดไปสุดที่คุณนายสดศรี ทำเอาคุณนายทำหน้าไม่ถูกรีบถอยออกไปจากตลาด

พอขึ้นรถ สดศรีก็โทร.กลับไปหาณดา แต่ไม่มีคนรับสาย ทำให้ยิ่งหงุดหงิดที่ณดาไม่รับสายตน แล้วก็ระดมโทร.อีก จนศักดิ์ชายหมั่นไส้คว้าโทรศัพท์ของณดาปาทิ้งทะเลไป ทั้งยังขู่ณดาว่าถ้ายังแผลงฤทธิ์อีกจะจับโยนทะเลไปเหมือนโยนโทรศัพท์ ทำให้ณดาไม่กล้าโวยวาย

ooooooo

ฝ่ายต๋อง รู้ข่าวณดาแล้วแทนที่จะโล่งใจ เขากลับเครียด เมื่อเลื่อนกับรักเร่ถาม เขาพูดอย่างกังวลว่า

“ข้ากำลังแปลกใจน่ะ คุณณดาตัวจริงไม่น่าจะเลือกหนีอะไรไปง่ายๆแบบนี้”

ขณะต๋องไปนั่งกินโอเลี้ยงที่ร้านอาโก เห็นกิมลั้งกำลังจะมาที่ร้านพอดี แต่พอเห็นต๋องนั่งอยู่ก็หันเดินหนีไปทางอื่น ต๋องรีบลุกตามไปคว้ามือไว้ ถามว่าตกลงจะไม่ยอมพูดกับตนแล้วจริงๆหรือ

กิมลั้งสะบัดอย่างแรงบอกว่าเราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ต๋องบอกว่าเธอกำลังเข้าใจผิด ตนกับณดาไม่ได้มีอะไรกัน กลับถูกกิมลั้งพูดเยาะว่า

“น่าเสียใจแทนคุณณดาจริงๆนะที่เธอมาพูดลับหลังเขาแบบนี้” ต๋องยืนยันว่าตนพูดความจริง กิมลั้งพูดใส่หน้าว่า “ตอนที่ไม่มีคุณณดาอยู่ เธอจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น รู้ไหมต๋อง…ถ้าเธอบอกฉันแต่แรกว่าเธอเปลี่ยนไปเพราะอะไร ฉันคงไม่เจ็บปวดเท่ากับการที่ไปได้ยินเรื่องทั้งหมดจากปากคนอื่น มันตอกย้ำให้รู้สึกว่า ที่ผ่านมา ฉันไม่ได้มีค่า มีความหมายกับเธอเลยจริงๆ” พูดได้แค่นั้นกิมลั้งก็น้ำตาไหลพรากจนพูดไม่ออก

ต๋องขอร้องให้เธอฟังเขาบ้าง กิมลั้งบอกว่า ตอนนี้ตนไม่ไว้ใจเขาอีกแล้ว พูดแล้วเดินหนีไปเลย

ooooooo

ศักดิ์ชายพาณดาไปที่บ้านหลังเล็กน่ารักที่จัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว บนเกาะที่เขาบอกว่าเป็นของเพื่อน เมื่อมาถึงเขาแก้เชือกที่มัดมือมัดเท้าเธอออก ณดาตบหน้าเขาทันที

“นี่สำหรับความเลวที่ทำกับฉัน”

“ช่วยไม่ได้ คุณต่างหากที่บังคับให้ผมต้องทำแบบนี้เอง ใครมันจะยอมให้เมียตัวเองไปเป็นเมียคนอื่น แถมยังจะแต่งงานกันออกหน้าออกตาอีก”

ณดาเอะใจถามว่าใครบอกเรื่องนี้กับเขา ศักดิ์ชายไม่ตอบเพราะตัวเองแอบฟังมา ถูกณดาคว้าข้าวของใกล้มือปาใส่ไม่ยั้ง เขาหลบพลางบอกว่าอยากปาก็ปาไป ปาเสร็จก็เก็บเข้าที่ด้วยแล้วกัน ขู่ว่าอย่าได้คิดหนีเด็ดขาด เพราะคนบนเกาะนี้ไม่เจอผู้หญิงมานานแล้ว ถ้าเธอหนีออกไปไม่เหลือแน่! พูดแล้วออกไปจากห้อง

ศักดิ์ชายออกไปสั่งคนงานให้ดูแลณดาให้ดี และห้ามเรียกตนว่าคุณ ห้ามพูดครับ คนงานเลยพูดด้วยแบบมึงวาพาโวย ทำเอาศักดิ์ชายสะอึกไปเหมือนกัน

ชายศักดิ์และรัศมีต่างตกใจเมื่อรู้ว่าศักดิ์ชายทำอะไรลงไป ถามว่าที่ทำไปเพราะหึงณดาหรือว่าหวงก้างกันแน่ เขาทำเสียงจริงจังกับพ่อและแม่ว่า “ผมต้องทำเพื่อห้างสิครับ ไม่งั้นจะเอาตัวเข้าเสี่ยงขนาดนี้เหรอ”

“แน่ใจนะว่าแกเอาอยู่” เสียงชายศักดิ์ถาม ศักดิ์–ชายรีบบอกว่าตนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ผู้เป็นพ่อเลยแซวว่าท่าทางจะหมกมุ่น ย้ำว่า “พ่อหมายถึงว่าอยู่ๆก็ฉุดลูกสาวเขาไป ไม่กลัวว่าเขาจะสาวมาถึงตัวแกเหรอ”

“ไม่ต้องห่วงครับคุณพ่อ ผมเอาอยู่อยู่แล้ว”

รัศมีถามอย่างกังวลว่า เมื่อเขาไม่อยู่แล้วเรื่องทวงหนี้ ข่มขวัญพวกคนในตลาดจะจัดการอย่างไรต่อไป ศักดิ์ชายบอกว่าให้ทำตามแผนที่ตนวางไว้ให้ก็จบ บอกแม่ว่า

“ดีเสียอีกที่เราเล่นงานคุณนายสดศรีสองทางเลย เล่นมันทั้งลูกสาวทั้งคนในตลาด คราวนี้ไม่พลาดแน่ครับ”

รัศมีบอกอย่างเบาใจว่า เอาไว้มีอะไรคืบหน้าค่อยว่ากันอีกทีแล้ววางสาย ชายศักดิ์ชมลูกชายว่า

“เอ้อ…ลูกชายเรานี่มันฉลาดนะ ให้พ่อแม่ไล่จับลูกหนี้ แต่มันเลือกไปไล่จับผู้หญิง”

ว่าแล้วสองผัวเมียก็ทำตาปริบๆมองกันกุ๊กกิ๊กแล้วหันมาวิ่งไล่จับกันเองราวกับหนุ่มสาวในหนังแขก…

ooooooo

วันนี้ ชาวตลาดร่วมใจเกื้อพากันแปลกใจ เมื่อมีชายหนุ่มผมยาวสักเต็มแขนเดินมาดแมนผ่ากลางตลาด ทุกคนสงสัยว่าเขาเป็นใคร แต่พอเขาหันมาชาวตลาดก็พากันร้องอ๋อ…แล้วอึ้ง เพราะที่แท้คือคิตตี้นั่นเอง

“อะไรดลใจให้ลื้อแต่งตัวอย่างนี้หา อาคิตตี้” กิมฮวยสงสัย คิตตี้ทำเสียงห้าวบอกว่าตนชื่อสมคิด กิมฮวยยิ่งงงถามว่า “ผีเข้ารึเปล่า ตั้งแต่ลื้อประกาศว่าชื่อคิตตี้ ลื้อก็ไม่ให้ใครเรียกว่าสมคิดอีกเลย แล้วอยู่ๆลื้อเป็นอะไร”

“ผมเป็นผู้ชาย”

“ผู้ชาย!” ชาวตลาดอุทานพร้อมกัน ป้าพิณพึมพำว่า สงสัยต้องพาไปให้จะเด็ดสาดน้ำมนต์เรียกวิญญาณคืนร่างเสียแล้ว พูดแล้วชวนพรรคพวกช่วยกันลากคิตตี้ไป ท่ามกลางเสียงห้าวๆของคิตตี้ที่ร้องบอกว่าตนไม่เป็นอะไร ปล่อยตนเถิด แต่ชาวตลาดไม่ฟังเสียงช่วยกันลากถูลู่ถูกัง คิตตี้ก็แต๋วแตกแผดเสียงแหลมแตกพร่า

“อ๊ายยยยยยย” พอชาวตลาดตกใจปล่อยมือ คิตตี้ก็เก๊กแมนต่อ “ขอโทษครับ ผมแค่อยากจะบอกว่าผมไม่เป็นอะไรจริงๆ”

คำยืนยันของคิตตี้ไม่มีใครเชื่อ โดยเฉพาะกิมฮวยประกาศว่า

“ไม่จริง…มันต้องมี แล้วอั๊วต้องรู้ให้ได้” ว่าแล้วยื่นกระจกบานหนึ่งให้คิตตี้ดูตัวเอง “ดูให้ดีซิว่านี่มันลื้อจริงๆเหรอ”

เต็กไฮ้เข้าไปมองสำรวจแต่หัวจดเท้าแล้วฟันธงว่าแบบนี้มันไม่ใช่ตัวตนลื้อแน่ๆ ลักษณ์ก็ถามว่า

“ดูดีๆซิ เวลาคิตตี้ไม่แต่งหน้าทำผม คิตตี้รับตัวเองได้ไหม ถามน้า…น้ารับไม่ได้นะ”

“ฉันก็รับไม่ได้” เลื่อนแทรกขึ้น แล้วชาวตลาดก็ประสานกันเสียงขรมว่า

“ฉันก็รับไม่ได้ ฉันก็รับไม่ได้…รับไม่ได้”

“อ๊ายยยย…ก็ได้…ๆ ฉันบอกก็ได้ว่าทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้” คิตตี้ทนแรงกดดันไม่ไหวต้องสารภาพความจริงว่า

พ่อตนที่หายตัวไปห้าปีจะมาเยี่ยม ที่ตนเครียดเพราะพ่อไม่เคยรู้เรื่องที่ตนเป็นหญิงข้ามเพศ ที่สำคัญพ่อเกลียดเพศที่สามมาก ชอบประณามเพศที่สี่ เจอพวกข้ามสายพันธุ์ที่ไหนพ่อตามด่าแหลก

กิมฮวยร้องไอ้หยา…ส่วนลักษณ์ติงว่า คิตตี้ก็โตแล้วพ่อก็น่าจะยอมรับความจริงได้ เพราะทุกวันนี้คิตตี้เป็นคนดี ขยันทำมาหากิน

“ไม่มีทาง น้าลักษณ์รู้ไหม ตอนเด็กๆที่คิตตี้ยังไม่รู้ประสีประสาน่ะ แค่คิตตี้หยิบลิปสติกที่แม่ทำตกไว้มาทา ยังถูกพ่อตีอย่างกับไปฆ่าใครมา”

เต็กไฮ้ถามว่าคิดว่าจะปิดพ่อได้หรือ เพราะแค่ห้ามนิ้วไม่ให้นิ้วกระดกยังทำไม่ได้เลย

“เอาเถอะน่า ไม่มีทางเลือกแล้วนี่ ก็ต้องทนเล่นละครไป แต่ที่สำคัญก็คือ ทุกคนต้องช่วยคิตตี้ อย่าไปเผลอพูดอะไรให้พ่อคิตตี้สงสัยก็แล้วกัน”

ระหว่างกำลังนั่งคุยกันสบายๆ แบบคิตตี้กับเพื่อนชาวตลาดนั่นเอง จู่ๆพ่อก็โผล่มาร้องเรียกอย่างดีใจ

“ไอ้สมคิด”

คิตตี้สะดุ้งโหยง รีบปรับเสียงให้เป็นแมน ร้องทัก “อ้าว…พ่อ…”

ooooooo

คิตตี้พาพ่อไปที่ร้านท่ามกลางสายตาชาวตลาดที่มองกันอึ้ง พอไปถึงร้าน พ่อเห็นเป็นร้านขายดอกไม้ก็โวยวายว่าผู้ชายที่ไหนเขาขายดอกไม้เห็นมีก็แต่พวกตุ๊ดพวกแต๋วเท่านั้นที่ขาย

“โธ่…พ่อนี่ไม่รู้อะไร ร้านดอกไม้นี่แหละคนซื้อเยอะ แถมยังใช้กันทุกเทศกาล ตั้งแต่วันเกิดยันวันตาย ยิ่งมีคนขายหล่อๆอย่างฉัน สาวๆยิ่งพากันเข้าร้านตรึมเลย”

ขณะนั้นเอง ชมพู่เดินผ่านร้านเห็นคิตตี้ในมาดแมนก็ร้องเสียงดัง “อีคิตตตตต” คิตตี้ตกใจจะร้องห้ามก็กลัวพ่อได้ยิน เลยพรวดเข้าไปจูบปากแน่น ชมพู่ดิ้นหลุดมาได้จะด่าอีก ก็ถูกคิตตี้จ้องจิกพูดลอดไรฟันว่า

“อีชมพู่ ฟังฉันก่อน แกเห็นผู้ชายผมยาวที่ยืนอยู่ไหม นั่นน่ะพ่อฉัน แล้วฉันจะให้พ่อรู้ไม่ได้ว่าฉันเป็นเก้ง ไม่งั้นพ่อฆ่าฉันตายแน่ โอเคนะ…ขอบใจ”

พ่อที่ยืนอยู่หันมองถามว่านี่มันอะไรกัน คิตตี้ทำท่าแมนโอบไหล่ชมพู่แนะนำว่า “นี่เมียฉันเอง เอ้าไหว้พ่อผัว เอ๊ย…พ่อพี่ซะสิ”

ชมพู่ไหว้พ่อไปตามน้ำ พ่อตำหนิคิตตี้ว่าทำไมถึงลงมือลงไม้กับเมียแรงขนาดนั้น แล้วบ่นว่าชักจะหิวแล้ว

“งั้นต้องร้านนี้เลยพ่อ” คิตตี้พาพ่อออกไปทันที

ooooooo

ร้านที่คิตตี้พาพ่อไปอย่างมั่นใจมาก คือร้านข้าวแกงของป้าพิณนั่นเอง ป้าพินตักอาหารให้ตามสั่งแล้วยังมีน้ำใจบอกพ่อของคิตตี้ว่ากับข้าวไม่พอให้บอก แต่พ่อคิตตี้ไม่ทันบอก ป้าพิณก็ตักไปแถมให้แล้ว

ส่วนคำมูลอาสาเปิดเพลงเพราะๆให้ฟัง บอกว่าถึงไม่สั่งส้มตำก็ไม่เป็นไร จนพ่อของคิตตี้พูดอย่างชื่นชมว่า

“คนในตลาดนี่ดูรักใคร่เอ็งดีจังเลยนะ” แต่พอหันมองไปรอบๆ ก็กลายเป็นตกใจ เมื่อเห็นชาวตลาดพากันมาดูพ่อคิตตี้ บ้างทำทีมานั่งกินข้าวแกง บ้างก็ตั้งหน้า ตั้งตามามุงดูจริงจัง

คิตตี้บอกพ่อว่าคนตลาดนี้ก็แบบนี้แหละ เพราะรักตนเลยรักพ่อด้วย แล้วเร่งพ่อให้รีบกินเสียอาหารกำลังร้อนๆ คุยอวดพ่อว่า “พ่อรู้ไหม ร้านป้าพิณน่ะ อร่อยที่สุดในสามมมม…โลกเลย”

“ทำไมต้องพูดแบบนั้นวะ กะเทยมาก ข้าไม่ชอบ” พ่อทำหน้าตึง ชมพู่รีบช่วยแก้ว่าเพราะคิตตี้อยากให้รู้ว่าอร่อยมาก คิตตี้รีบตักกับข้าวให้พ่อกลบเกลื่อน พอพ่อกินก็ชมว่า อร่อยอย่างที่ว่าจริงๆด้วย

บรรยากาศกำลังดีขึ้น เสียงเพลงจากร้านส้มตำของคำมูลก็กระแทกเข้ามา ชมพู่มองขวับบ่นว่าทำไมต้องเปิดเพลงชาวเกย์กันตอนนี้ เดี๋ยวคิตตี้ได้แต๋วแตกหรอก แล้วร้องบอกคำมูลว่า

“พี่คำมูล…ปิดเพลงก็ได้นะ เสียงมันดัง”

คำมูลหูเฝื่อนไพล่ได้ยินเป็นว่าเพลงไม่ดัง เลยตอบสนองอารมณ์เร่งเพลงให้ดังขึ้นอีก ชมพู่ตะโกนบอกว่า

“พี่คำมูล…ฉันบอกให้ปิด ไม่ได้ให้เร่งเสียง”

“ไม่เป็นไรชมพู่ ฟังเถอะ…เพราะดี พ่อจะได้ฝึกภาษาไปด้วย” แล้วพ่อก็หันบอกคิตตี้ว่า “ที่พ่อบอกเอ็งไว้ว่าจะไปทำงานเมืองนอก ช่วงนี้เลยต้องขยันฝึกภาษาฝรั่งหน่อย จะได้ไม่ลำบาก”

เสียงเพลงกระตุ้นต่อมจนคิตตี้ทนไม่ไหวลุกขึ้นเต้นสะบัดช่อ จนชมพู่ต้องลุกขึ้นไปเต้นด้วย แต่พยายามเอาตัวบังๆคิตตี้ไว้ให้พ้นสายตาพ่อ แก้ต่างให้เพื่อนว่า

“นี่เป็นเพลงโปรดของชมพู่น่ะค่ะ ได้ยินเพลงนี้เมื่อไหร่พี่คิตเขาเป็นต้องลุกขึ้นเต้นโชว์ชมพู่ทุกครั้ง”

พ่อฟังแล้วพยักหน้านิ่งๆ ชมพู่จึงหันเตือนคิตตี้ว่า

“มันจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆแล้วนะอีคิตตี้ เก็บอาการหน่อย แล้วก็เก็บก้นกระเด้งๆของแกเดี๋ยวนี้ด้วย”

“ฉันทนไม่ไหวแล้วชมพู่ ฉันทนไม่ได้จริงๆ ทั้งจังหวะ ทั้งทำนอง เนื้อร้อง มันกำลังปลุกวิญญาณแท้จริงของฉันขึ้นมา เข้าใจไหม” ว่าแล้วคิตตี้ก็เต้นเป็นบ้าเป็นหลัง

จนชมพู่ต้องพลอยบ้าไปด้วยเพื่อเอาตัวบังสายตาพ่อไว้

เต้นได้อึดใจเดียว ชมพู่ก็บอกพ่อว่า “เราสองคนขอตัวเข้าห้องน้ำแป๊บนะคะ”

ooooooo

พ่อคิตตี้รออยู่นานจนผิดสังเกต ลุกเดินไปหาห้องน้ำ เจอกิมฮวยที่แผงพอดี ถามว่าห้องน้ำอยู่ทาง ไหนหรือ ตนจะไปตามลูกชาย หายไปกับเมียนาน สองนานแล้ว

กิมฮวยหันชี้ไปทางห้องน้ำ เห็นคิตตี้เดินมากับชมพู่พอดี พ่อคิตตี้จึงเดินไปหาลูก เป็นจังหวะที่กิมฮวยโยนปลาไหลไปที่ถาด แต่โยนพลาดเลยกระเด็นใส่พ่อคิตตี้ เท่านั้นเองพ่อคิตตี้ที่ทำแมนมาตลอดก็แต๋วแตกทันที เต้นหย็องแหย็งแผดเสียง

“อ๊ายยยยย…คุณพระช่วยกล้วยน้ำว้า อนาคอนด้าบุก ใครก็ได้ช่วยริชชี่ที หยะแหยงง่ะ…”

พอรู้ตัวว่าปล่อยอะไรออกไป พ่อคิตตี้ก็มองไปรอบตัว เห็นชาวตลาดพากันมองตะลึง ส่วนชมพู่ถึงกับปล่อยทิชชูหลุดมือ อุทาน

“โอ้โห…ตัวแม่…เอ๊ยตัวพ่อ…”

ooooooo

เมื่อความลับแตกโพละกลางตลาดเช่นนี้ พ่อคิตตี้จึงเปิดใจคุยกับลูกที่ริมคลองหลังตลาดว่า

“ที่จู่ๆ พ่อหายไปห้าปีเพราะพ่อทนไม่ไหวแล้วที่จะต้องโกหกญาติพี่น้อง คนรู้จัก โกหกลูก โดยเฉพาะโกหกตัวเอง”

“คิตตี้ไม่อยากเชื่อเลยนะ มันเป็นไปได้ยังไงที่คนที่เกลียดกะเทยเข้าไส้อย่างพ่อถึงกลับมาเป็นเสียเอง”

“ความจริงมันเป็นเพราะพ่อเกลียดตัวเองมากกว่าว่าทำไมถึงได้ฝักใฝ่อยากเป็นแบบนั้น แล้วก็อิจฉาพวกนั้นที่กล้าเป็นในสิ่งที่เขาเป็นอยู่”

“แล้วพ่อก็ทำทุกอย่างไม่ว่าจะขู่ ด่าว่า ตีคิตตี้เพื่อกันไม่ให้เป็นอย่างพ่อ”

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่เราจะเลือกเป็นในสิ่งที่คนอื่นเขาเห็นว่าผิด พ่อไม่อยากให้เอ็งเติบโตมาเป็นคนที่สังคมไม่ยอมรับ ไม่ให้โอกาส เพราะฉะนั้น วิธีเดียวที่จะช่วยเอ็งได้ก็คือเลี้ยงดูเอ็งให้เป็นคนที่สังคมมองว่าปกติ เพราะเอ็งจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานใจอย่างที่พ่อเป็นมาทั้งชีวิต”

“แต่สุดท้ายพ่อก็กล้าหาญที่จะเลือกเป็นในสิ่งที่พ่อกลัวมาตลอดชีวิต” คิตตี้เอ่ยอย่างชื่นชม

“ก็เพราะพ่อรู้แล้วยังไง ว่าคุณค่าของคนมันไม่ได้อยู่ที่เป็นเพศไหน แต่มันอยู่ที่ว่าเราเป็นใคร ทำตัวมีคุณค่าไหม ที่สำคัญ…ถ้าเรายอมรับสิ่งที่เราเป็นไม่ได้ เราก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว ที่พ่อมาหาเอ็งวันนี้ นอกจากจะมาลาเอ็งกลับไปทำงานเมืองนอกแล้ว ลึกๆก็อยากเห็นว่าเอ็งไม่ได้เป็นในสิ่งที่พ่อกลัว…แต่ดูๆแล้ว พ่อว่าเอ็งมีความสุขกับสิ่งที่เอ็งเป็นมากกว่าพ่อด้วยซ้ำ”

“มันไม่ยากหรอกพ่อ แค่พ่อปล่อยวางทุกอย่างในชีวิตที่พ่อคิดว่ามันควรจะเป็น แล้วหาความสุขจากสิ่งที่พ่อเป็นจริงๆแค่นี้ก็พอแล้ว” พูดพลางคิตตี้แกะหนวดออกจากริมฝีปากพ่อที่ออกสีชมพูจิ้มลิ้ม พ่อลูกโผเข้ากอดอย่างเข้าใจกัน คิตตี้บอกพ่อว่า “ถึงพ่อจะเป็นอะไร คิตตี้ก็รักพ่อนะ”

“พ่อก็รักคิตตี้…”

เสียงปรบมือดังขึ้น พ่อลูกหันมองเห็นชาวตลาดที่มาแอบดูอยู่ต่างโผล่มาแสดงความยินดีและให้กำลังใจพ่อลูก ครู่เดียวคำมูลก็แบกวิทยุแหวกชาวตลาดออกมาเปิดเพลงดังลั่น ร้องบอกทุกคนอย่างร่าเริงว่า

“เอ้า…มาฉลองอิสรภาพให้กับพ่อลูกคู่นี้หน่อยเร้ววววว…”

ชาวตลาดออกไปเต้นกันอย่างเมามัน คิตตี้กับพ่อออกไปเต้นกันสะบัดช่อ ออกลีลาแต๋วกันไม่อั้น จนเต็กไฮ้พึมพำ

“เชื้อไม่ทิ้งแต๋วจริงๆ”

ooooooo




ชอบเว็บนี้ กด Like เลย

Tags:
ขอขอบคุณ Youtube Channel: TV3 Official, gmmchannel, GTHchannel, MCOT Official และ ช่อง one

ความคิดเห็น


เพื่อนๆที่ดูไม่ได้แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม Chrome ในการดูนะครับ